พัฒนาการจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาการจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ ยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อศึกษาดัชนีประสิทธิผลพัฒนาการจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ ยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 3) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนการจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ ยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 4) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของสมาชิกยุวกาชาดที่มีต่อการจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ ยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 โรงเรียนกุดเสลาวิทยาคม อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 43 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เนื่องจากเป็นห้องเรียนที่ผู้วิจัยได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติการสอนกิจกรรมยุวกาชาดระดับ 3 ซึ่งจัดห้องเรียนแบบคละความสามารถ เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ ได้แก่ 1) แผนการจัดกิจกรรมยุวกาชาด ระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 ชุด 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ ยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 40 ข้อ 3) เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 7 ชุด 4) แบบวัดความพึงพอใจของสมาชิกยุวกาชาดที่มีต่อการจัดกิจกรรมโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ ยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 15 ข้อ ใช้เวลาในการทดลอง 10 ชั่วโมง ซึ่งไม่นับรวมกับเวลาที่มอบหมายให้สมาชิกยุวกาชาดปฏิบัติกิจกรรมนอกเวลาเรียนและเวลาที่ใช้ทดสอบผลสัมฤทธิ์ก่อนเรียนและหลังเรียน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าดัชนีประสิทธิผล และผลการทดสอบสมมติฐานโดยใช้ t-test (Dependent sample)
ผลการวิจัยพบว่า 1) เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.17/86.63 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ 2) ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ ยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าคิดเป็นร้อยละ 80.18 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสมาชิกยุวกาชาดที่เรียนโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4) สมาชิก ยุวกาชาดมีความพึงใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ ยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.21
กล่าวโดยสรุปการจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ ยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหมาะที่จะนำไปใช้จัดกิจกรรมยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป
ผลการวิจัยพบว่า 1) เอกสารประกอบการจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 87.17/86.63 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ 80/80 ที่ตั้งไว้ 2) ค่าดัชนีประสิทธิผลของการจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ ยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าคิดเป็นร้อยละ 80.18 3) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของสมาชิกยุวกาชาดที่เรียนโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 4) สมาชิก ยุวกาชาดมีความพึงใจต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ ยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ในระดับมาก โดยมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.21
กล่าวโดยสรุปการจัดกิจกรรมยุวกาชาดโดยใช้ปัญหาเป็นฐาน กิจกรรมสุขภาพ ยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลเหมาะที่จะนำไปใช้จัดกิจกรรมยุวกาชาดระดับ 3 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป