การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ
ผู้วิจัย นางสุภารัตน์ สิรไชยพัฒน์
สังกัด โรงเรียนพิบูลมังสาหาร สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น กระทรวงมหาดไทย
ปีที่วิจัย 2565
บทคัดย่อ
การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสำรวจความจำเป็นและความต้องการในการจัดการเรียนรู้ พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ ทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ และประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มตัวอย่าง คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4/2 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนพิบูลมังสาหาร สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุบลราชธานี จำนวน 1 ห้อง จำนวน 37 คน ซึ่งได้มาด้วยวิธีการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยที่มีนักเรียนคละความสามารถทั้งเก่ง ปานกลาง และอ่อน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย โดยใช้แบบวิเคราะห์เอกสาร แบบสัมภาษณ์ แบบสอบถาม และแบบทดสอบ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติเชิงพรรณนา วิเคราะห์เนื้อหา ค่าเฉลี่ย ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการทดสอบค่าทีในการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์
ผลการวิจัย ปรากฏผล ดังนี้
1. ผลการสำรวจความจำเป็นและความต้องการในการจัดการเรียนรู้ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ พบว่า การส่งเสริมกระบวนการคิดจากการอ่านอย่างเป็นระบบ จะช่วยให้นักเรียนรู้ข้อเท็จจริง รู้เหตุผลจากสื่อสิ่งพิมพ์ที่อ่าน ปลูกฝังให้นักเรียนเป็นผู้มีเหตุผลไม่ด่วนสรุปข้อมูล เป็นคนช่างสังเกต แสดงความคิดเห็นอย่างสมเหตุสมผล ฝึกฝนการสร้างองค์ความรู้ โดยมีความต้องการให้นักเรียนได้ลงมือปฏิบัติที่เน้นการปฏิบัติกิจกรรมกลุ่ม ทำแบบฝึกทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ เพื่อให้เกิดความชำนาญ และการแยกแยะและวิเคราะห์เรื่องที่อ่านได้ด้วยตนเอง
2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีองค์ประกอบ 5 องค์ประกอบ คือ 1) แนวคิดและหลักการของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ 2) วัตถุประสงค์ของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ ตามขั้นตอนการจัดการเรียนรู้ GAPES Model 5 ขั้น ประกอบด้วย ขั้นจัดกลุ่มและกำหนดขอบเขตของเนื้อหา (Group and Define Content Boundaries) ขั้นกิจกรรมกลุ่ม (Activities) ขั้นนําเสนอผลงาน (Presentation) ขั้นตรวจสอบ (Examine) และขั้นสรุป (Summary) 4) การนำรูปแบบการจัดการเรียนรู้ไปใช้ และ 5) ผลที่เกิดขึ้นกับผู้เรียน
3. ผลการใช้การจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า
3.1 ประสิทธิภาพของการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 ตามรูปแบบการจัดการเรียนรู้ มีประสิทธิภาพ (E1/E2) เท่ากับ 84.26/82.64 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80
3.2 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3.3 นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มีทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์หลังการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
4. ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อส่งเสริมทักษะการอ่านเชิงวิเคราะห์ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 พบว่า นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โดยรวมมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ( = 4.39, S.D. = 0.60)