LASTEST NEWS

05 พ.ค. 2567‘เพิ่มพูน’ ยันโรงเรียนห้ามกั๊กการออกใบเกรดหากเด็กค้างค่าเทอม 05 พ.ค. 2567ก.ค.ศ.เดินหน้ารื้อระบบ ศน.ใหม่ ยกเครื่อง ปรับบทบาทหน้าที่ เพิ่มคุณสมบัติ ดึงบุคลากรคุณภาพพัฒนาคุณภาพการศึกษา 04 พ.ค. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันฯ ครูผู้ช่วย รอบทั่วไป ปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ (ต่อ) 04 พ.ค. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศรับสมัครสอบแข่งขันฯ ครูผู้ช่วย รอบทั่วไป ปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 04 พ.ค. 2567สพม.ชัยภูมิ ประกาศรับสมัครสอบครูผู้ช่วย รอบทั่วไป ปี พ.ศ.2567 จำนวน 4 อัตรา ตั้งแต่ 8-14 พ.ค.2567 04 พ.ค. 2567สพป.ชัยภูมิ เขต 3 ประกาศรับสมัครสอบครูผู้ช่วย รอบทั่วไป ปี พ.ศ.2567 จำนวน 5 อัตรา ตั้งแต่ 8-14 พ.ค.2567 04 พ.ค. 2567สพป.ชัยภูมิ เขต 2 ประกาศรับสมัครสอบครูผู้ช่วย รอบทั่วไป ปี พ.ศ.2567 จำนวน 2 อัตรา ตั้งแต่ 8-14 พ.ค.2567 04 พ.ค. 2567สพป.ชลบุรี เขต 1 ประกาศรับสมัครสอบครูผู้ช่วย รอบทั่วไป ปี พ.ศ.2567 จำนวน 14 อัตรา ตั้งแต่ 8-14 พ.ค.2567 03 พ.ค. 2567โรงเรียนหนองไผ่ รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาเอกคอมพิวเตอร์ เงินเดือน 10,000.-บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 10 พฤษภาคม พ.ศ.2567 03 พ.ค. 2567โรงเรียนอนุบาลสกลนคร รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาเอกคณิตศาสตร์ เงินเดือน 9,000.- บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 8 พฤษภาคม พ.ศ.2567

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกั

usericon

ชื่อวิจัย    การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้
    ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์
    ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
ผู้วิจัย    ประวัติ บุญประเสริฐ
ปีที่วิจัย        2564 - 2565
    
บทคัดย่อ

    การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา 3) เพื่อทดลองใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้ตามขั้นตอน การแก้ปัญหา และ 4) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา การวิจัยครั้งนี้ ใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) มีขั้นตอนการวิจัย 4 ขั้นตอน คือ ขั้นที่ 1 การศึกษาข้อมูลพื้นฐาน ขั้นที่ 2 การสร้างและพัฒนารูปแบบ ขั้นที่ 3 การทดลองใช้รูปแบบ และขั้นที่ 4 การศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการวิจัย เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนวัดตันติการาม มิตรภาพที่ 109 อำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานราธิวาส เขต 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 21 คน ได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แบบสอบถาม 2) แบบสัมภาษณ์ 3) คู่มือการใช้รูปแบบ 4) แผนการจัดการเรียนรู้ 5) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และ 6) แบบสอบถามความพึงพอใจ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยการคำนวณค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าประสิทธิภาพ (E1/E2) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบความแตกต่างของคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้สถิติที (t - test แบบ Dependent Samples) และวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
    ผลการวิจัยพบว่า
    1. ผลการศึกษาข้อมูลพื้นฐานในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา พบว่า ครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีการปฏิบัติอยู่ในระดับมาก ( = 3.97, S.D. = 0.58) ข้อที่มีการปฏิบัติ ในระดับมากที่สุด คือ จัดกิจกรรมการเรียนการสอนให้มี การเชื่อมโยงเนื้อหากับชีวิตประจำวัน รองลงมาคือ จัดกิจกรรมให้อิสระในการเรียนรู้ นักเรียนกล้าคิด กล้าแสดงออก จากการสรุปผลข้อเสนอแนะแนวทางการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน พบว่า ครูผู้สอนมีการตั้งคำถาม โดยใช้คำถามที่ง่ายต่อการเข้าใจ
มีการกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็นของนักเรียน เน้นกิจกรรมให้นักเรียนลงมือปฏิบัติด้วยตนเองมากกว่าการบรรยาย มีการเตรียมและใช้สื่อ อุปกรณ์ที่หลากหลาย เช่น แบบจำลอง ภาพนิ่ง ภาพเคลื่อนไหว และเสียง ฯลฯ เพื่อสร้างแรงจูงใจในการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ของนักเรียนในระดับประถมศึกษาได้
    2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ได้องค์ประกอบสำคัญ คือ 1) หลักการและแนวคิด 2) วัตถุประสงค์ 3) กระบวนการจัดการเรียนรู้ และ 4) การประเมินผล ในองค์ประกอบที่ 3 กระบวนการจัดการเรียนรู้ มีขั้นตอนการจัดการเรียนการสอน 5 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 การเผชิญปัญหา ขั้นที่ 2 การพิจารณาปัญหา ขั้นที่ 3 ดำเนินการแก้ปัญหา ขั้นที่ 4 การประเมินผล และขั้นที่ 5 การสรุปผล ผลการประเมินคุณภาพของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ โดยผู้เชี่ยวชาญ พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนรู้ มีความเหมาะสมในระดับมาก ( = 4.46, S.D. = 0.61)
        3. ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่า
            3.1 ประสิทธิภาพของแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของนักเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เท่ากับ 84.74/83.17 ถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด 80/80
            3.2 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่ได้รับการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา มีคะแนนการประเมินทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ อยู่ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 82.97 ผ่านเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ร้อยละ 80
    4. ผลการศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ ของนักเรียน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี พบว่า
        4.1 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
        4.2 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยใช้วิธีการทางวิทยาศาสตร์ร่วมกับการเรียนรู้ตามขั้นตอนการแก้ปัญหา เพื่อส่งเสริมทักษะกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ในระดับพึงพอใจมากที่สุด ( = 4.54, S.D. = 0.51)
ร่วมแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^