การวิจัยและพัฒนายุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนา
การวิจัยและพัฒนายุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning
ชื่อผู้วิจัย นางกัลยาภัสร์ เพชรมณี
โรงเรียน โรงเรียนบ้านคอเตี้ย จังหวัดชุมพร
ปีการศึกษา 2564 - 2565
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนายุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ในสถานศึกษาต้นแบบ 2) ปรับปรุงยุทธศาสตร์การบริหารนำไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุกหลังการนำไปทดลองเพื่อใช้ในการบริหารสถานศึกษา 3) ทดลองยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ในสถานศึกษาต้นแบบ และสถานศึกษาเครือข่าย 4) ศึกษาผลผลิตของสถานศึกษาต้นแบบ หลังจากผู้บริหารสถานศึกษาต้นแบบใช้ยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ในสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยประกอบด้วย ผู้บริหารและครูในสถานศึกษาในจังหวัดชุมพร 4 โรงเรียน สถานศึกษาต้นแบบ คือ โรงเรียนบ้านคอเตี้ย สถานศึกษาเครือข่าย 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านบางคอย โรงเรียนวัดพิชัยยาราม และโรงเรียนบ้านบางไม้แก้วประชาสามัคคี รวมทั้งสิ้น 104 คน การทดลองยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นการทดลองยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมกับสถานศึกษาต้นแบบ ระยะที่ 2 เป็นการทดลองยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมในสถานศึกษาต้นแบบ และสถานศึกษาเครือข่าย 3 โรงเรียน ระยะเวลาในการทดลองอยู่ในระหว่างปีการศึกษา 2564 ถึงปี 2566 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบประเมินการดำเนินงานยุทธศาสตร์การบริหาร 2) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ คุณภาพใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบค่าที และสถิติทดสอบค่าเอฟ
ผลการวิจัยพบว่า
1. ยุทธศาสตร์การบริหารโดยใช้ยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมเป็นรูปแบบการบริหารที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ยุทธศาสตร์ย่อย 6 ยุทธศาสตร์ มาหลอมรวมการบริหาร ซึ่งได้แก่ การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การจัดการเรียนรู้ Active Learning การประกันคุณภาพ ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยอาศัยการประสานงานที่มีผู้วิจัยและคณะกรรมการดูแลให้งานของ 6 ยุทธศาสตร์ย่อยให้สอดประสานกัน
2. ผลการทดลองยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมในสถานศึกษา พบว่า ผลการทดลองเพื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ในสถานศึกษาต้นแบบ หลังจากการทดลองเพื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์ ผู้วิจัยได้ปรับปรุงยุทธศาสตร์การบริหารให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นต้นว่า การให้ความสำคัญทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ ต้องให้ความสำคัญกับทุกยุทธศาสตร์เท่ากัน ซึ่งต้องมีการประสานงานอยู่เสมอและต่อเนื่อง นอกจากนี้การดำเนินการวิจัยและพัฒนายุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ภาพรวมพบว่าก่อนการทดลองและหลังการทดลอง มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการทดลองยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก พบว่า สถานศึกษาต้นแบบ และสถานศึกษาเครือข่ายมีการดำเนินงานยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวม หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ .01 ทั้ง 4 โรงเรียน
4. ผลการศึกษาผลผลิตของสถานศึกษาต้นแบบและสถานศึกษาเครือข่าย พบว่า การจัดการเรียนรู้เชิงรุก ก่อนและหลังการทดลองในสถานศึกษาต้นแบบและสถานศึกษาเครือข่าย หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ชื่อผู้วิจัย นางกัลยาภัสร์ เพชรมณี
โรงเรียน โรงเรียนบ้านคอเตี้ย จังหวัดชุมพร
ปีการศึกษา 2564 - 2565
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนายุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ในสถานศึกษาต้นแบบ 2) ปรับปรุงยุทธศาสตร์การบริหารนำไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุกหลังการนำไปทดลองเพื่อใช้ในการบริหารสถานศึกษา 3) ทดลองยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ในสถานศึกษาต้นแบบ และสถานศึกษาเครือข่าย 4) ศึกษาผลผลิตของสถานศึกษาต้นแบบ หลังจากผู้บริหารสถานศึกษาต้นแบบใช้ยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ในสถานศึกษา กลุ่มตัวอย่างในการวิจัยประกอบด้วย ผู้บริหารและครูในสถานศึกษาในจังหวัดชุมพร 4 โรงเรียน สถานศึกษาต้นแบบ คือ โรงเรียนบ้านคอเตี้ย สถานศึกษาเครือข่าย 3 โรงเรียน ได้แก่ โรงเรียนบ้านบางคอย โรงเรียนวัดพิชัยยาราม และโรงเรียนบ้านบางไม้แก้วประชาสามัคคี รวมทั้งสิ้น 104 คน การทดลองยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 เป็นการทดลองยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมกับสถานศึกษาต้นแบบ ระยะที่ 2 เป็นการทดลองยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมในสถานศึกษาต้นแบบ และสถานศึกษาเครือข่าย 3 โรงเรียน ระยะเวลาในการทดลองอยู่ในระหว่างปีการศึกษา 2564 ถึงปี 2566 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แบบประเมินการดำเนินงานยุทธศาสตร์การบริหาร 2) การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ คุณภาพใช้ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน สถิติทดสอบค่าที และสถิติทดสอบค่าเอฟ
ผลการวิจัยพบว่า
1. ยุทธศาสตร์การบริหารโดยใช้ยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมเป็นรูปแบบการบริหารที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นเป็นยุทธศาสตร์ที่ใช้ยุทธศาสตร์ย่อย 6 ยุทธศาสตร์ มาหลอมรวมการบริหาร ซึ่งได้แก่ การบริหารโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน การจัดการเรียนรู้ Active Learning การประกันคุณภาพ ระบบดูแลช่วยเหลือนักเรียน การจัดการเรียนการสอนที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ และเทคโนโลยีสารสนเทศ โดยอาศัยการประสานงานที่มีผู้วิจัยและคณะกรรมการดูแลให้งานของ 6 ยุทธศาสตร์ย่อยให้สอดประสานกัน
2. ผลการทดลองยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมในสถานศึกษา พบว่า ผลการทดลองเพื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ในสถานศึกษาต้นแบบ หลังจากการทดลองเพื่อปรับปรุงยุทธศาสตร์ ผู้วิจัยได้ปรับปรุงยุทธศาสตร์การบริหารให้มีความชัดเจนยิ่งขึ้น เป็นต้นว่า การให้ความสำคัญทั้ง 6 ยุทธศาสตร์ ต้องให้ความสำคัญกับทุกยุทธศาสตร์เท่ากัน ซึ่งต้องมีการประสานงานอยู่เสมอและต่อเนื่อง นอกจากนี้การดำเนินการวิจัยและพัฒนายุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก Active Learning ภาพรวมพบว่าก่อนการทดลองและหลังการทดลอง มีความแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. ผลการทดลองยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวมที่มุ่งพัฒนาผู้เรียนเพื่อนำไปสู่ การจัดการเรียนรู้เชิงรุก พบว่า สถานศึกษาต้นแบบ และสถานศึกษาเครือข่ายมีการดำเนินงานยุทธศาสตร์การบริหารแบบหลอมรวม หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลอง อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติ ที่ .01 ทั้ง 4 โรงเรียน
4. ผลการศึกษาผลผลิตของสถานศึกษาต้นแบบและสถานศึกษาเครือข่าย พบว่า การจัดการเรียนรู้เชิงรุก ก่อนและหลังการทดลองในสถานศึกษาต้นแบบและสถานศึกษาเครือข่าย หลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01