ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู
ชื่อเรื่อง การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก(Active
Learning) บูรณาการวัฒนธรรมวิถีน่านเรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน
(Python Programming) รายวิชาวิทยาการคำนวณ ว23104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม
ผู้วิจัย นางบุญยดา สุยะหมุด
ตำแหน่ง ครูวิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
หน่วยงาน โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน
ปีที่การวิจัย 2565
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1)พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning)
บูรณาการวัฒนธรรมวิถีน่าน เรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python Programming)
รายวิชาวิทยาการคำนวณ ว23104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม ให้มีประสิทธิภาพ
ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการจัดการ
เรียนรู้ด้วยการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python
Programming) 3) พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python
Programming) ให้สูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 65 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่3ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้สร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน
(Python Programming) รายวิชาว23104 วิทยาการคำนวณ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3กลุ่มตัวอย่าง
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3/3 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่านจำนวน 44 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python Programming) แบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง สร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน
(Python Programming) แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้ชุดกิจกรรม
การเรียนรู้เรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python Programming) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์
ข้อมูลได้แก่ค่าเฉลี่ยค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที(t-test) แบบไม่อิสระ
ผลการวิจัยพบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) บูรณาการวัฒนธรรมวิถีน่าน เรื่อง
สร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python Programming) รายวิชาวิทยาการคำนวณ ว23104
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม มีประสิทธิภาพเท่ากับ84.49/84.20 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์
มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการ
เรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) บูรณาการวัฒนธรรมวิถีน่านเรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน
(Python Programming) รายวิชาวิทยาการคำนวณ ว23104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3โรงเรียนท่าวังผา
พิทยาคม มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 ซึ่งเป็นไปตาม
สมมติฐานที่ตั้งไว้
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการจัดการเรียนรู้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก(Active
Learning) บูรณาการวัฒนธรรมวิถีน่าน เรื่อง สร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python
Programming) รายวิชาวิทยาการคำนวณ ว23104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม ซึ่ง
สูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 65 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว ้
4. นักเรียนที่เรียนด้วยการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) บูรณาการ
วัฒนธรรมวิถีน่านเรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python Programming) รายวิชาวิทยาการ
คำนวณ ว23104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม โดยภาพรวมมีความพึงพอใจต่อการ
จัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด
Learning) บูรณาการวัฒนธรรมวิถีน่านเรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน
(Python Programming) รายวิชาวิทยาการคำนวณ ว23104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่
3 โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม
ผู้วิจัย นางบุญยดา สุยะหมุด
ตำแหน่ง ครูวิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
หน่วยงาน โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่าน
ปีที่การวิจัย 2565
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ1)พัฒนาชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning)
บูรณาการวัฒนธรรมวิถีน่าน เรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python Programming)
รายวิชาวิทยาการคำนวณ ว23104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม ให้มีประสิทธิภาพ
ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังการจัดการ
เรียนรู้ด้วยการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python
Programming) 3) พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python
Programming) ให้สูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 65 และ 4) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษา
ปีที่3ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้สร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน
(Python Programming) รายวิชาว23104 วิทยาการคำนวณ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3กลุ่มตัวอย่าง
นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่3/3 ภาคเรียนที่2 ปีการศึกษา 2565 โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาน่านจำนวน 44 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย
ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python Programming) แบบทดสอบ
วัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียน เรื่อง สร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน
(Python Programming) แบบประเมินความพึงพอใจที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยการใช้ชุดกิจกรรม
การเรียนรู้เรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python Programming) สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์
ข้อมูลได้แก่ค่าเฉลี่ยค่าร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติทดสอบที(t-test) แบบไม่อิสระ
ผลการวิจัยพบว่า
1. ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) บูรณาการวัฒนธรรมวิถีน่าน เรื่อง
สร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python Programming) รายวิชาวิทยาการคำนวณ ว23104
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม มีประสิทธิภาพเท่ากับ84.49/84.20 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์
มาตรฐาน 80/80 ที่ตั้งไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้ด้วยชุดกิจกรรมการ
เรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) บูรณาการวัฒนธรรมวิถีน่านเรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน
(Python Programming) รายวิชาวิทยาการคำนวณ ว23104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3โรงเรียนท่าวังผา
พิทยาคม มีคะแนนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 ซึ่งเป็นไปตาม
สมมติฐานที่ตั้งไว้
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังการจัดการเรียนรู้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก(Active
Learning) บูรณาการวัฒนธรรมวิถีน่าน เรื่อง สร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python
Programming) รายวิชาวิทยาการคำนวณ ว23104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม ซึ่ง
สูงขึ้นมากกว่าร้อยละ 65 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ.01 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานที่ตั้งไว ้
4. นักเรียนที่เรียนด้วยการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้เชิงรุก(Active Learning) บูรณาการ
วัฒนธรรมวิถีน่านเรื่องสร้างสรรค์ผลงานด้วยภาษาไพทอน (Python Programming) รายวิชาวิทยาการ
คำนวณ ว23104 ชั้นมัธยมศึกษาปีที่3โรงเรียนท่าวังผาพิทยาคม โดยภาพรวมมีความพึงพอใจต่อการ
จัดการเรียนรู้อยู่ในระดับมากที่สุด