รายงานผลการพัฒนาการใช้แบบฝึกเสริมทักษะคิดวิเคราะห์ ม.1
รายงานผลการพัฒนาการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) การหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (3) ศึกษาความพึงพอใจชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนไผ่งามวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 22 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ (1) แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 6 เล่ม (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบปรนัย จำนวน 30 ข้อ และ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน สื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที (t – test) ผลการศึกษาพบว่า
1.ผลการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ได้ค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะ เท่ากับ 87.12/85.76 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2.ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
3.ผลความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาพรวมมีระดับความพึงพอใจระดับมากที่สุด ( x-bar เท่ากับ 4.79 และ S.D เท่ากับ 0.03)
การศึกษาในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) การหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (2) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนด้วยแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 (3) ศึกษาความพึงพอใจชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาในครั้งนี้ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 โรงเรียนไผ่งามวิทยา สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 22 คน โดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ได้แก่ (1) แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 6 เล่ม (2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเป็นแบบปรนัย จำนวน 30 ข้อ และ (3) แบบสอบถามความพึงพอใจนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียน สื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 10 ข้อ สถิติที่ใช้ ได้แก่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การทดสอบที (t – test) ผลการศึกษาพบว่า
1.ผลการหาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 พบว่า ได้ค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะ เท่ากับ 87.12/85.76 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ที่ตั้งไว้
2.ผลการเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 นักเรียนมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
3.ผลความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะการอ่าน คิด วิเคราะห์ และเขียนสื่อความ กลุ่มสาระการเรียนรู้ภาษาไทย ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ภาพรวมมีระดับความพึงพอใจระดับมากที่สุด ( x-bar เท่ากับ 4.79 และ S.D เท่ากับ 0.03)