การพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษและเจตคติต่อการเรียน
ชื่อเรื่อง การพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษและเจตคติต่อการเรียน
วิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นางสุปราณี พอกพูน
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัย เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 (2) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนและ (3) ศึกษาเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนไพรบึงวิทยาคม อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 41 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้หน่วยสุ่มเป็นห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ จำนวน 6 เล่ม (2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นแบบทดสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีความยาก (p) ตั้งแต่ 0.20 - 0.90 ค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.23 - 0.92 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ (r) เท่ากับ 0.92 (3) แบบสอบถามวัดเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (r) ตั้งแต่ 0.415 - 0.754 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.903 และ (4) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน จำนวน 12 แผน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x-bar) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S) และสถิติทดสอบที (t-test) แบบกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระกัน
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าประสิทธิภาพของสื่อนวัตกรรม 86.63 /77.48 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ คือ 75/75
2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษสูงกว่าก่อนเรียนโดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้ แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.87 และ
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.71
วิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ
สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ผู้วิจัย นางสุปราณี พอกพูน
ปีที่วิจัย 2561
บทคัดย่อ
การวิจัย เรื่อง การพัฒนาความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) พัฒนาแบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 (2) เปรียบเทียบความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่ได้รับการสอนโดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ ระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียนและ (3) ศึกษาเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/1 ที่เรียนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนไพรบึงวิทยาคม อำเภอไพรบึง จังหวัดศรีสะเกษ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดศรีสะเกษ จำนวน 41 คน ได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่ม (Cluster Random Sampling) โดยใช้หน่วยสุ่มเป็นห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ประกอบด้วย (1) แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ จำนวน 6 เล่ม (2) แบบทดสอบวัดความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษ ซึ่งเป็นแบบทดสอบแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีความยาก (p) ตั้งแต่ 0.20 - 0.90 ค่าอำนาจจำแนก (B) ตั้งแต่ 0.23 - 0.92 และมีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ (r) เท่ากับ 0.92 (3) แบบสอบถามวัดเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ซึ่งเป็นแบบมาตราส่วนประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ มีค่าอำนาจจำแนกรายข้อ (r) ตั้งแต่ 0.415 - 0.754 และมีค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.903 และ (4) แผนการจัดการเรียนรู้ประกอบการจัดการเรียนรู้โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่าน จำนวน 12 แผน สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย (x-bar) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S) และสถิติทดสอบที (t-test) แบบกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระกัน
ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
1. แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ สำหรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีค่าประสิทธิภาพของสื่อนวัตกรรม 86.63 /77.48 สูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้ คือ 75/75
2. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีความสามารถในการอ่านภาษาอังกฤษหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษสูงกว่าก่อนเรียนโดยใช้หนังสือส่งเสริมการอ่านภาษาอังกฤษอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 มีเจตคติต่อการเรียนวิชาภาษาอังกฤษ โดยใช้ แบบฝึกทักษะการอ่านภาษาอังกฤษ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 3.87 และ
ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานเท่ากับ 0.71