การพัฒนารูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมทักษะการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณ
ของครูในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26
ผู้วิจัย นางสาวฐิตารีย์ วิลัยเลิศ ตำแหน่ง ศึกษานิเทศก์
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ 1) เพื่อศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา และความต้องการ
การจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 2) เพื่อพัฒนารูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมทักษะการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณของครู ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26
3) เพื่อประเมินผลรูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมทักษะการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณของครู
ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 4) เพื่อขยายผลการใช้รูปแบบการนิเทศที่ส่งเสริมทักษะการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณของครู ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 การดำเนินการวิจัยแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้ ระยะที่ 1 การศึกษาวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน กลุ่มตัวอย่างในการศึกษาสภาพปัจจุบัน ปัญหา
และความต้องการการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณ ได้แก่ ครูกลุ่มสาระ
การเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ทำการสอนรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ
และการสื่อสาร ปีการศึกษา 2559 จำนวน 35 โรงเรียน จำนวน 96 คน ที่ได้จากการเลือก
แบบเจาะจง และกลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการสัมภาษณ์เชิงลึก (In-depth Interview) เกี่ยวกับแนวทางการนิเทศที่ส่งเสริมทักษะการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณของครู ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียนในโรงเรียนที่มีผลการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน (ONET) ปีการศึกษา 2558
สูงกว่าระดับประเทศ จำนวน 9 คน เครื่องมือ ได้แก่ แบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์
กึ่งโครงสร้าง ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการนิเทศ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการประชุมเชิงปฏิบัติการ (Workshop) เพื่อวิพากษ์ (ร่าง) รูปแบบการนิเทศ ได้แก่ ผู้บริหารโรงเรียน ครูหัวหน้างานวิชาการ และครูหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ในโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 จำนวน 35 โรงเรียน ๆ ละ 3 คน รวมทั้งสิ้นจำนวน 105 คน กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการจัดสัมมนาอิงผู้ทรงคุณวุฒิ (Connoisseurship) เกี่ยวกับการยืนยันประสิทธิภาพด้านความมีประโยชน์ ความเป็นไปได้ความเหมาะสม และความถูกต้อง
ของรูปแบบการนิเทศ ได้แก่ ผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการนิเทศการศึกษา
ด้านหลักสูตรและการสอน ด้านการวัดและประเมินผล ด้านการวิจัยการศึกษา และด้านบริหารการศึกษา จำนวน 15 คน เครื่องมือ ได้แก่ แบบบันทึกการประชุม แบบประเมินคุณภาพ
แบบประเมินความมีประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสม และความถูกต้องของรูปแบบ
การนิเทศ ระยะที่ 3 การประเมินรูปแบบการนิเทศ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในประเมินผลรูปแบบการนิเทศโดยการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศ ประกอบด้วย โรงเรียนนาเชือกพิทยาสรรค์ โรงเรียนนาดูน
ประชาสรรค์ และโรงเรียนนาภูพิทยาคม สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 รวมทั้งสิ้นจำนวน 12 คน ได้แก่ ผู้นิเทศ จำนวน 6 คน ผู้รับการนิเทศ จำนวน 6 คน กลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนนาเชือกพิทยาสรรค์ จำนวน 3 ห้อง จำนวน 114 คน โรงเรียนนาดูนประชาสรรพ์ จำนวน 2 ห้อง จำนวน 73 คน และโรงเรียนนาภูพิทยาคม จำนวน 1 ห้อง จำนวน 38 คน รวมทั้งสิ้น จำนวน 225 คน เครื่องมือ ได้แก่ เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล และเครื่องมือที่ใช้ในการนิเทศ ระยะที่ 4 การขยายผลการใช้รูปแบบ
การนิเทศ กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการขยายผลการใช้รูปแบบการนิเทศ จำนวน 32 โรงเรียนประกอบด้วย ครูหัวหน้างานวิชาการ และครูหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพ
และเทคโนโลยี และครูกลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี ทำการสอนรายวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ปีการศึกษา 2561 รวมทั้งหมด
จำนวน 112 คน และกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ในโรงเรียน
สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 26 ที่เป็นโรงเรียนประธานสหวิทยาเขต
จำนวน 6 สหวิทยาเขต จำนวน 6 โรงเรียน ๆ ละ 40 คน รวมจำนวน 240 คน เครื่องมือ ได้แก่ แบบทดสอบ แบบประเมิน และแบบสอบถาม การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน และการวิเคราะห์เนื้อหา
ผลการวิจัย พบว่า
1. สภาพปัจจุบัน ปัญหา ส่วนมากเกิดจากครูผู้สอนที่ไม่เข้าใจหลักสูตร เกิดจากพฤติกรรมของผู้เรียนที่ไม่ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ขาดแรงจูงใจทางการเรียน ขาดความเอาใจใส่ กำกับ นิเทศติดตามของผู้บริหาร และการบริหารจัดการที่ไม่มีประสิทธิภาพ และความต้องการการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาการคิดอย่างมีวิจารณญาณ รวมทั้งต้องการเพิ่มทักษะการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณของครู
2. รูปแบบการนิเทศ ประกอบด้วย 1) หลักการของรูปแบบ 2) วัตถุประสงค์
ของรูปแบบ 3) การขับเคลื่อนการดำเนินงาน 4) ขอบข่ายการนิเทศ 5) กระบวนการนิเทศ
โดยดำเนินการตามรูปแบบการนิเทศ แบบ APIDRE ประกอบด้วย 6 ขั้นตอน คือ ขั้นตอนที่ 1
การวิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐาน (Analyzing : A) ขั้นตอนที่ 2 การวางแผนการนิเทศ (Planning : P) ขั้นตอนที่ 3 การให้ความรู้ก่อนการนิเทศ (Informing : I) ขั้นตอนที่ 4 การปฏิบัติการนิเทศ (Doing : D) ขั้นตอนที่ 5 การสร้างขวัญกำลังใจ (Reinforcing : R) และขั้นตอนที่ 6 การประเมินผลการนิเทศ (Evaluating : E) โดยมีการกำกับติดตาม (Monitoring) ทุกขั้นตอนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้
การดำเนินการนิเทศเกิดประสิทธิภาพ 6) การประเมินรูปแบบ และ 7) เงื่อนไขความสำเร็จของ
การนำรูปแบบไปใช้ และผลการตรวจสอบคุณภาพของรูปแบบการนิเทศ โดยผู้ทรงคุณวุฒ 9 คน พบว่า มีคุณภาพ มีองค์ประกอบครบถ้วน สมบูรณ์
3. ผลการประเมินผลรูปแบบการนิเทศ โดยการทดลองใช้รูปแบบการนิเทศกับกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ โรงเรียนนาเชือกพิทยาสรรค์ โรงเรียนนาดูนประชาสรรพ์ และโรงเรียนนาภูพิทยาคม พบว่า (1) ผู้นิเทศมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศการสอนเพิ่มขึ้น
มีความสามารถในการนิเทศการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณอยู่ในระดับสูงมาก และมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการนิเทศอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด (2) ผู้รับการนิเทศ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศการสอนเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการนิเทศการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณอยู่ในระดับสูงมาก และมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการนิเทศอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด (3) นักเรียน
ที่เป็นกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ มีผลการเรียนรู้ที่เกิดจากการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณ
ในชั้นเรียนของผู้รับการนิเทศ ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการนิเทศแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยหลังการใช้รูปแบบการนิเทศ มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการนิเทศ
4. ผลการขยายผลการใช้รูปแบบการนิเทศ กับกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 32 โรงเรียน
พบว่า (1) ผู้นิเทศมีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศการสอนเพิ่มขึ้น
มีความสามารถในการนิเทศการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณอยู่ในระดับสูงมาก และมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการนิเทศอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด (2) ผู้รับการนิเทศ มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับการนิเทศการสอนเพิ่มขึ้น มีความสามารถในการนิเทศการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณอยู่ในระดับสูงมาก และมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการนิเทศอยู่ในระดับพึงพอใจมากที่สุด (3) นักเรียน
ที่เป็นกลุ่มผู้ให้ข้อมูลสำคัญ มีผลการเรียนรู้ที่เกิดจากการสอนคิดอย่างมีวิจารณญาณ
ในชั้นเรียนของผู้รับการนิเทศ ก่อนและหลังการใช้รูปแบบการนิเทศแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 โดยหลังการใช้รูปแบบการนิเทศ มีคะแนนเฉลี่ยสูงกว่าก่อนการใช้รูปแบบการนิเทศ