LASTEST NEWS

18 ก.ย. 2567ศธ.ย้ำ 20 ก.ย.นี้รู้ผลสอบ "ครูเบญ" ชี้อย่าตัดสินคนแค่เพราะนามสกุลดัง 18 ก.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู รอบที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ (ต่อ) 18 ก.ย. 2567โรงเรียนพระธาตุขามแก่นพิทยาลัย​ รับสมัครครูช่วยสอน 6 อัตรา ตั้งแต่บัดนี้ - 25 กันยายน 2567 18 ก.ย. 2567โรงเรียนซำสูงพิทยาคม รับสมัครครูช่วยสอน 5 อัตรา เงินเดือน 15,000.-บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 26 กันยายน 2567 17 ก.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู รอบที่ 2 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 16 ก.ย. 2567มาแล้ว!! ด่วนที่สุด! การจัดการแข่งขันงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ครั้งที่ 72 ปีการศึกษา 2567 ให้ดำเนินการแข่งขันโดยสิ้นสุดที่ระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 16 ก.ย. 2567สพฐ. เร่งสอบข้อเท็จจริง ครูสาวสอบได้ที่ 1 ชื่อหาย ย้ำต้องโปร่งใส ตรงไปตรงมา 16 ก.ย. 2567ยันไม่มีมวยล้มต้มคนดู! ‘ครูเบญ’ บุกศธ.ทวงความเป็นธรรมสอบครูได้ที่ 1 ชื่อล่องหน 15 ก.ย. 2567กรมท่าอากาศยาน เปิดสอบบรรจุเข้ารับราชการ 24 อัตรา วุฒิปวส./ป.ตรี/ป.ตรีทุกสาขา สมัครตั้งแต่บัดนี้ - 3 ตุลาคม 2567 15 ก.ย. 2567สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา เปิดสอบบรรจุเข้ารับราชการ ตำแหน่งนายสัตวแพทย์ปฏิบัติการ รับสมัคร 17-23 ก.ย.2567

ปลูกเพกาในวงบ่อ - ทิศทางเกษตร

  • 18 ส.ค. 2557 เวลา 20:27 น.
  • 3,717
ปลูกเพกาในวงบ่อ - ทิศทางเกษตร

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

นางบังอร ไชยเสนา เกษตรกรบ้านน้อยจอมศรี ตำบลฮางโฮง อำเภอเมืองสกลนคร เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่พลิกผันชีวิตจากไม่มีกินสู่มีกินมีใช้เหลือเก็บเป็นทุน สำรองแก่ครอบครัวในปัจจุบัน
 
นางบังอร ไชยเสนา เกษตรกรบ้านน้อยจอมศรี ตำบลฮางโฮง อำเภอเมืองสกลนคร เป็นหนึ่งในเกษตรกรที่พลิกผันชีวิตจากไม่มีกินสู่มีกินมีใช้เหลือเก็บเป็นทุน สำรองแก่ครอบครัวในปัจจุบัน
 
เดิมเช่าที่ทำนา จำนวน 10 ไร่ แต่ก็ไม่ประสบผลสำเร็จเพราะต้นทุนสูง ขณะที่ข้าวขายไม่ได้ราคา ก็เลิกล้มการทำนาหันมาปลูกพืชเศรษฐกิจเชิงเด่ียว ก็เช่นเดิมผลผลิตไม่ดี ขณะที่ต้นทุนสูง ในที่สุดก็ต้องเป็นหนี้ 
 
หลังจากเข้าศึกษาดูงานและอบรมที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สกลนคร ก็นำความรู้มาทำในพื้นที่  โดยทำการเกษตรแบบผสมผสานปลูกพืชแบบหลากหลายชนิดที่กินได้ และพอจะขายได้ ควบคู่กับการเลี้ยงสัตว์ เช่น กบ ปลา เป็ด ไก่ จนเริ่มมีรายได้ผ่านไป 5 ปี สามารถเก็บเงินซื้อที่เป็นของตนเองจำนวน 5 ไร่ 
 
แต่เนื่องจากสภาพดินไม่ดีจึงต้องปลูกพืชทุกชนิดในรูปแบบวงบ่อ ตามที่ได้ไปเรียนรู้มาจากศูนย์ศึกษาการพัฒนาภูพานอันเนื่องมาจากพระราชดำริ จ.สกลนคร  และหนึ่งในจำนวนพืชที่ปลูกก็มีเพกาที่ปลูกได้และให้ผลผลิตดี โดยปลูกผสมผสานกับต้นไม้ชนิดอื่น จำนวน 50 กว่าต้น ปัจจุบันสามารถเก็บฝักได้ทุกวันส่งขายในตลาดเมืองสกลนคร
 
นางบังอรเล่าให้ฟังถึงวิธีการปลูกเพกาในวงบ่อว่า  จะใช้ดินผสมปุ๋ยคอกใส่ในวงบ่อชั้นที่ 1 ตามด้วยเศษฟางข้าวเศษหญ้าแห้ง ทับด้วยปุ๋ยคอกผสมขี้เถ้าแกลบ และทับบนอีกชั้นด้วยดินผสมปุ๋ยคอก จากนั้นขุดเป็นหลุมในวงบ่อลึก 50x50 เซนติเมตร รองก้นหลุมด้วยปุ๋ยคอกต่อหลุมต่อต้น โดยคลุกเคล้ากับดินผสมด้วยเศษฟางหรือเศษใบไม้ด้วยก็ได้จะทำให้ต้นเพกาโตเร็วขึ้น จากนั้นนำต้นพันธุ์ที่ผ่านการเพาะแล้ว อายุประมาณ 2 เดือน ลงหลุมปลูก กลบดิน รดน้ำ แต่อย่าให้แฉะจนเกินไป เพราะต้นเพกาไม่ค่อยชอบน้ำ หลังปลูก 15 วัน ใส่ปุ๋ยคอกโดยโรยรอบทรงพุ่ม ครบ 30 วัน ใส่อีกครั้งในอัตราเท่าเดิมดูแลรดน้ำตามปกติ ถ้าปลูกแบบต้นที่เพาะจากกิ่งชำ ประมาณ 4-5 เดือน จะเริ่มออกดอก แต่ถ้าปลูกแบบต้นที่เพาะด้วยเมล็ด ใช้เวลาประมาณ 1 ปี จะเริ่มออกดอก หลังจากที่เพกาออกดอกประมาณ 20-30 วัน จะเริ่มติดฝัก ระยะเวลา 1 ปี สามารถเก็บ      ฝักได้ประมาณ 2-3 รุ่น แล้วแต่ความสมบูรณ์ ของต้น
 
“ทุกวันนี้ค่าเล่าเรียน ค่าใช้จ่ายประจำวันของลูกในการไปโรงเรียนก็ได้จากเพกาทั้งหมด โดยในช่วงเย็นหลังจากเลิกเรียน ลูกจะเก็บฝักเพกาไปขายให้กับแม่ค้าในตลาดที่เมืองสกลนคร ทุกวัน ก็ได้เงินมาทุกวันลูกจึงไม่อดมีกินมีเงินไปโรงเรียนและมีเงินเก็บเป็นค่าเล่าเรียนอย่างไม่ขัดสน” นางบังอร กล่าว
 
สำหรับเพกานั้นเป็นไม้ต้น สูง 3-12 เมตร แตกกิ่งก้านน้อย ใบประกอบแบบขนนกสามชั้น ขนาดใหญ่ เรียงตรงข้ามรวมกันอยู่บริเวณปลายกิ่ง ใบย่อยรูปไข่หรือรูปไข่แกมวงรี กว้าง 4-8 ซม. ยาว 6-12 ซม. ดอกช่อ ออกที่ปลายยอดก้านช่อดอกยาว ดอกย่อยขนาดใหญ่กลีบดอกสีนวลแกมเขียว โคนกลีบเป็นหลอดสีม่วงแดง หนาย่น บานกลางคืน ผลเป็นฝักรูปดาบ เมื่อแก่จะแตก ภายในเมล็ดแบน สีขาว เพกายอดอ่อนและฝักอ่อนมีรสขม นิยมเผาหรือลวกสุก จะทำให้มีความขมลดลง เผาแล้วขูดเอาผิวออกให้หมด กินกับน้ำพริกต่าง ๆ เมล็ดเพกาเป็นส่วนประกอบในน้ำจับเลี้ยงที่ชาวจีนนิยมดื่ม ผลเพกามีวิตามินเอสูง ช่วยบำรุงสายตา เหมาะกับคนที่ขาดวิตามินเอ และมีเส้นใยอาหารมาก ช่วยให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติ ทั้งเส้นใยยังช่วยลดการดูดซึมไขมันและน้ำตาลเข้าสู่กระแสโลหิตด้วย เมล็ดใช้เป็นยาระบาย แก้ไอ ขับเสมหะ โดยต้มเมล็ดหนึ่งกำมือกับน้ำ 300 ซีซี จนเดือดให้เนื้อยาออกมา จากนั้นนำไปดื่มวันละ 3 ครั้ง ต่อเนื่องประมาณ 5-7 วัน ฝักอ่อน ช่วยขับลมในท้อง ขับเสมหะ บำรุงร่างกาย เปลือกและต้น แก้ท้องร่วง ร้อนใน สมานแผลลดการอักเสบ ลดอาการแพ้ บำรุงเลือด ขับเสมหะด้วย และยังเป็นส่วนผสมของยาสมุนไพรแก้เบาหวาน แก้ริดสีดวงทวารอีกด้วย
 
จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเพกาจึงเป็นที่นิยมของผู้คนในการบริโภคขณะนี้ อันเป็นผลให้สามารถจำหน่ายได้อย่างต่อเนื่องทุกวัน.
 
 
  • 18 ส.ค. 2557 เวลา 20:27 น.
  • 3,717

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

ความคิดเห็นเกี่ยวกับ : ปลูกเพกาในวงบ่อ - ทิศทางเกษตร

เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^