การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E
ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่
ชื่อผู้วิจัย นางนฤมล ดวงติ๊บ
ปีที่วิจัย ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566
บทคัดย่อ
การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) หาประสิทธิภาพของกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทาง การเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ 2) เปรียบเทียบคะแนนการทดสอบก่อนเรียนกับคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนของนักเรียนจากการเรียนรู้ตามกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษา ปีที่ 3 วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ และเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกับเกณฑ์ที่วิทยาลัยกำหนดไว้ร้อยละ 70 3) ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนต่อการเรียนรู้ตามกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ กลุ่มสาระ การเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ประชากร ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวน 2 ห้องเรียน รวมทั้งหมด 40 คน เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยได้แก่ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เป็นแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 6 แผน เวลาเรียน 6 ชั่วโมง แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียน จำนวน 1 ฉบับ วิเคราะห์ข้อมูลโดยวิเคราะห์ประสิทธิภาพ (E1/E2) ของกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ เปรียบเทียบกับเกณฑ์ที่กำหนด 80/80 วิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกับคะแนนการทดสอบก่อนเรียน โดยใช้ค่าสถิติ Paired - Sample t – test วิเคราะห์เปรียบเทียบคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนกับเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนดร้อยละ 70 โดยใช้ค่าสถิติ One - Sample t – test วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนจากการเรียนรู้ตามกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ โดยวิเคราะห์หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต () และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (σ)
สรุปผลการวิจัยได้ดังนี้
1. กิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติ กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ มีค่าประสิทธิภาพรวมสูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้ 80/80 คือมีค่าเท่ากับ 84.32/86.00 โดยประสิทธิภาพกระบวนการ ( ) และประสิทธิภาพผลลัพธ์ ( ) ของกิจกรรมสูงกว่าเกณฑ์ร้อยละ 80 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
2. นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าคะแนนการทดสอบก่อนเรียน อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05 และผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าเกณฑ์ที่วิทยาลัยกำหนดร้อยละ 70 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนรู้ตามกิจกรรมการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยใช้กระบวนการสืบเสาะหาความรู้ 7E หน่วยการเรียนรู้ เรื่อง อัตราส่วนตรีโกณมิติกลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 วิทยาลัยนาฏศิลปเชียงใหม่ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด