LASTEST NEWS

23 ก.ย. 2566(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลสอบ ผอ. - รองผอ.สถานศึกษา ภาค ก ปี พ.ศ.2566 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 22 ก.ย. 2566“ประวิต” แจงผลวิจัยประเมินเกณฑ์ PA ครูพอใจ หนุนก้าวหน้าวิชาชีพ 22 ก.ย. 2566ด่วน! กรุงเทพมหานคร เปิดสอบครูผู้ช่วย ครั้งที่ 1/2566 (เพิ่มเติม) 10 อัตรา สมัครทางอินเทอร์เน็ต 4-10 ต.ค.2566 22 ก.ย. 2566“เพิ่มพูน”เข้ม! แก้หนี้ครูฯ หมายหัว"ผอ.สพท."หักเงินเดือนชำระเกิน 30% 22 ก.ย. 2566ก.ค.ศ.เผยผลวิจัยการใช้งานระบบ ว PA !!! ครูพึงพอใจสูงลิ่ว 21 ก.ย. 2566"แท็บเล็ต" ยุคยิ่งลักษณ์ถึงไอเดีย "เพิ่มพูน" ควรไปต่อหรือพอได้แล้ว 20 ก.ย. 2566‘เพิ่มพูน’มอบนโยบาย ผอ.สพท. ฝากการบ้านผู้บริหารเดินหน้า‘เรียนดี มีความสุข’ 20 ก.ย. 2566“รมว.ศธ.” แนะผอ.สพท.ใช้หลักอริยสัจสี่บริหารการศึกษา 19 ก.ย. 2566สพฐ.รับลูกลดภาระครูและบุคลากรทางการศึกษา แจกแท็บเล็ต 19 ก.ย. 2566ผู้ปกครองไม่เห็นด้วยแจกแท็บเล็ต แนะนำงบจ้างครูเพิ่ม เน้นบุคลากรยังขาดแคลน

การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วม

usericon

ชื่อเรื่อง    การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือและการเรียนรู้แบบลงมือ
ปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา
ผู้วิจัย         นายสิทธิพงษ์ ส้มเกิด ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
        โรงเรียนบ้านกะลาพอ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 3
ปีที่วิจัย    2565

บทคัดย่อ

    การวิจัยครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงคุณภาพและเชิงปริมาณ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1. เพื่อศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือและการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม 2. เพื่อพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือและการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา 3. เพื่อศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอน โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือและการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา และ 4. เพื่อประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือและการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม ผู้วิจัยใช้รูปแบบการวิจัยและพัฒนา (Research and Development) ดำเนินการวิจัยเป็น 4 ระยะ คือ ระยะที่ 1 การศึกษา สภาพปัญหาและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอน ระยะที่ 2 การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือและการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม ระยะที่ 3 การศึกษาผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอน โดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือและการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม และระยะที่ 4 การประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิด การเรียนรู้แบบร่วมมือและการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านกะลาพอ อำเภอสายบุรี สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 3 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2565 จำนวน 26 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1. แบบสอบถาม 2. แบบบันทึกการสนทนากลุ่ม 3. แบบประเมินความเหมาะสมและความสอดคล้องของร่างรูปแบบ 4. แบบประเมินความเหมาะสมและความสอดคล้องของคู่มือการใช้รูปแบบ 5. แผนการจัดการเรียนรู้ที่พัฒนาขึ้นตามรูปแบบ 6. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน 7. แบบประเมินทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม 8. แบบประเมินความพึงพอใจ และ 9. แบบประเมินมาตรฐานความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสมและความถูกต้องของรูปแบบ การวิเคราะห์ข้อมูลโดยวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis) วิเคราะห์ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน
    ผลการวิจัยพบว่า
    1. ผลการศึกษาสภาพปัญหาและแนวทางในการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือและการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะ การทำงานเป็นกลุ่ม พบว่า 1) สภาพปัญหาการจัดการเรียนการสอนของครูกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา โรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาปัตตานี เขต 3 พบว่า สภาพการจัดการเรียนการสอนของโรงเรียนในระดับประถมศึกษาและโรงเรียนขยายโอกาสทางการศึกษา มีปัญหาและอุปสรรคในการจัดการเรียนการสอน ได้แก่ การขาดแคลนวัสดุอุปกรณ์ สื่อในการจัดการเรียนรู้ อีกทั้งครูส่วนใหญ่ยังขาดทักษะการจัดการเรียนการสอน 2) สภาพปัจจุบันในการจัดการเรียนการสอนของครูผู้สอนกลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด และ 3) ความต้องการในการจัดการเรียนการสอนรายวิชาสุขศึกษาของนักเรียน ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด
    2. ผลการพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือและการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา พบว่า รูปแบบการจัดการเรียนการสอน มีความเหมาะสมในระดับมาก ( = 4.49, = 0.57)
มีองค์ประกอบ คือ หลักการ วัตถุประสงค์ กระบวนการจัดการเรียนการสอน และการวัดและการประเมินผลการเรียนรู้ โดยกระบวนการจัดการเรียนการสอนมี 4 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 ขั้นนำเข้าสู่เนื้อหา ขั้นที่ 2 ขั้นนำเสนอความรู้ใหม่ ขั้นที่ 3 ขั้นลงมือปฏิบัติเป็นกลุ่ม และขั้นที่ 4 ขั้นสรุปและอภิปรายเป็นกลุ่ม
    3. ผลการใช้รูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือและการเรียนรู้ แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษา ปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา พบว่า
        3.1 คู่มือการจัดการเรียนรู้ตามรูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้ แบบร่วมมือและการเรียนรู้แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา มีประสิทธิภาพ เท่ากับ 86.55/84.62 ถือว่ามีประสิทธิภาพเป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด 80/80
        3.2 นักเรียนมีทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม อยู่ในระดับดี คิดเป็นร้อยละ 84.55 ผ่านเกณฑ์ ที่กำหนดไว้ ร้อยละ 80
        3.3 นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีมีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียน คิดเป็นร้อยละ
การพัฒนา 47.65
        3.4 นักเรียนมีความพึงพอใจต่อรูปแบบการจัดการเรียนการสอนในระดับมากที่สุด ( = 4.59, = 0.50)
    4. ผลประเมินรูปแบบการจัดการเรียนการสอนโดยใช้แนวคิดการเรียนรู้แบบร่วมมือและการเรียนรู้ แบบลงมือปฏิบัติ (Active Learning) เพื่อส่งเสริมทักษะการทำงานเป็นกลุ่ม สำหรับนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 กลุ่มสาระการเรียนรู้สุขศึกษาและพลศึกษา พบว่า โดยภาพรวมรูปแบบมีมาตรฐาน ด้านความเป็นประโยชน์ ความเป็นไปได้ ความเหมาะสมและความถูกต้อง ในระดับมากที่สุด ( = 4.51, = 0.53)
ร่วมแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^ <