LASTEST NEWS

26 เม.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 26 เม.ย. 2567สพป.แพร่ เขต 1 ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 2) - ผลย้ายครู 2567 สพป.แพร่ เขต 1 26 เม.ย. 2567ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ  26 เม.ย. 2567สพป.ชัยนาท ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 2) - ผลย้ายครู 2567 สพป.ชัยนาท 26 เม.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 26 เม.ย. 2567สพม.นครศรีธรรมราช ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 1) - ผลย้ายครู 2567 สพม.นครศรีธรรมราช 26 เม.ย. 2567สพม.ลพบุรี ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 1) - ผลย้ายครู 2567 สพม.ลพบุรี 26 เม.ย. 2567สพม.สุรินทร์ ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 2) - ผลย้ายครู 2567 สพม.สุรินทร์ 26 เม.ย. 2567สพป.ตาก เขต 1 ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 1) - ผลย้ายครู 2567 สพป.ตาก เขต 1 26 เม.ย. 2567สพป.ลำพูน เขต 2 ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 1) - ผลย้ายครู 2567 สพป.ลำพูน เขต 2

เผยแพร่ผลงาน

usericon

ชื่อเรื่อง        การประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ : กรณีศึกษาโรงเรียนเทศบาล ๓
ยุวบูรณ์บำรุง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
สังกัด        โรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย
ผู้วิจัย        นางพัชรินทร์ ชัยจันทร์
ปีที่ทำการวิจัย    ๒๕๖๑

บทคัดย่อ

    การประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ : กรณีศึกษาโรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ๑) เพื่อประเมินผลโครงการโรงเรียนวิถีพุทธโรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง ทั้ง ๘ ด้าน ดังนี้ ด้านบริบท ด้านปัจจัย ด้านกระบวนการ ด้านผลผลิต ด้านผลกระทบ ด้านประสิทธิผล ด้านความยั่งยืน ด้านการถ่ายโยงความรู้ และ
๒) เพื่อประเมินความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโรงเรียนวิถีพุทธโรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย กลุ่มเป้าหมายที่ใช้ในการประเมิน ประกอบด้วย พระสงฆ์ ๓ รูป ผู้บริหาร ๒ คน ครูโรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง ๒๕ คน นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ ๑-๖ จำนวน ๑๙๙ คน นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ ๑-๓ จำนวน ๑๘๒ คน ผู้ปกครองนักเรียน จำนวน ๑๓๕ คน บุคคลในชุมชน ๒๐ คน รวมประชากรจำนวน ๕๖๖ คน ใช้รูปแบบการประเมินโครงการของสตัฟเฟิลบีม (Daniel L. Stufflebeam) ที่มีชื่อว่า CIPP Model ต่อมาได้มีการขยายแนวคิดโดยการขยายผลผลิต (Product ) ออกเป็น IEST จึงเป็น CIPPIEST Model เครื่องมือที่ใช้ในการประเมิน ประกอบด้วยแบบประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ : กรณีศึกษาโรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง อำเภอเมือง จังหวัดหนองคาย จำนวน ๓ ฉบับ มีลักษณะแบบมาตรประมาณค่า (Rating scale) ๕ ระดับ สถิติที่ใช้ใน การวิเคราะห์ข้อมูลใช้ค่าร้อยละ (%) ค่าเฉลี่ย (Mean ) และค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD.) วิเคราะห์เนื้อหาและนำเสนอแบบพรรณนาความ
    สรุปผลการประเมิน
    ๑.ผลการประเมินการดำเนินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ โรงเรียนเทศบาล ๓
ยุวบูรณ์บำรุง มี 3 ระยะ ดังนี้
     ระยะที่ ๑ ประเมินผลก่อนการดำเนินโครงการ
             ๑.๑ ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบประเมิน พบว่า เป็นเพศหญิงมีจำนวนมากที่สุด อายุของผู้ตอบแบบประเมินที่มีจำนวนมากที่สุดอยู่ระหว่าง ๔๑ – ๕๐ ปี และลำดับสุดท้าย อายุระหว่าง ๒๑ – ๓๐ ปี ระดับการศึกษาของผู้ตอบแบบประเมินที่มีจำนวนมากที่สุด คือระดับมัธยมศึกษา รองลงมาคือ ระดับประถมศึกษา ลำดับสุดท้ายคือ ระดับการศึกษาสูงกว่าปริญญาตรี ในจำนวนนี้ พบว่า ผู้ตอบแบบประเมินที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ผู้ปกครองนักเรียน รองลงมาคือครูผู้สอน ลำดับสุดท้าย คือ พระสงฆ์และผู้บริหาร

            ๑.๒ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านบริบท พบว่าโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อ พบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ โครงการมีความสอดคล้องกับสภาพความต้องการ/ความสนใจของนักเรียน ผู้ปกครอง/ชุมชน และโครงการเหมาะสมกับเวลาและสถานการณ์ของสังคมในปัจจุบัน รองลงมาคือความสอดคล้องของโครงการกับนโยบายคุณธรรมนำความรู้ของรัฐบาล และโครงการเหมาะสมสอดคล้องกับแนวปฏิบัติและหลักธรรมพุทธศาสนา และข้อที่มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด คือโครงการมีความเหมาะสมกับบทบาทและหน้าที่ของโรงเรียน
            ๑.๓ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านปัจจัยนำเข้า พบว่าโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า ผู้บริหารและครูมีพรหมวิหารประจำใจ มีความเป็นกัลยาณมิตรมุ่งพัฒนาให้ผู้เรียนเกิดความเจริญงอกงามตามหลักไตรสิกขา,ครูรู้เข้าใจหลักการพัฒนาผู้เรียนตามหลักไตรสิกขา,มีการนิเทศ กำกับ ติดตามการดำเนินงานอย่างต่อเนื่อง,สภาพโรงเรียนสะอาด เรียบร้อย ปลอดภัย สงบ ร่มรื่น ใกล้ชิดธรรมชาติอยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมา คือ ผู้บริหารมีความซื่อสัตย์ จริงใจในการทำงาน,มีการร่วมมือกับผู้ปกครอง วัด และชุมชน เพื่อพัฒนาผู้เรียนและชุมชน,บริเวณโรงเรียนปราศจากสิ่งเสพติด อบายมุข สิ่งมอมเมาทุกชนิดและอยู่ในระดับ น้อยที่สุด คือครูสามารถจัดกิจกรรมได้สอดคล้องเหมาะสมหลักศาสนา,มีระบบตรวจสอบประเมินผลและเปิดโอกาสให้มีการเสนอแนะอย่างเป็นกัลยาณมิตรอย่างต่อเนื่อง
     ระยะที่ ๒ การประเมินผลระหว่างการดำเนินโครงการ
            ๒.๑ ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบประเมิน พบว่า ผู้ตอบแบบประเมิน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมีจำนวนมากที่สุด อายุของผู้ตอบแบบประเมิน ที่มีจำนวนมากที่สุดอยู่ระหว่าง ๑๐ – ๒๐ ปี และน้อยที่สุดมีอายุระหว่าง ๒๑ – ๓๐ ปี ระดับการศึกษาของผู้ตอบแบบประเมินที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ระดับประถมศึกษา รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษา น้อยที่สุดคือ สูงกว่าปริญญาตรี ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามครั้งนี้มีจำนวนมากที่สุด คือ นักเรียน รองลงมาคือผู้ปกครองนักเรียน และน้อยที่สุด คือพระสงฆ์และผู้บริหาร
            ๒.๒ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านกระบวนการดำเนินงาน พบว่าโดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ การจัดการเรียนรู้โดยบูรณาการพุทธธรรมหลักไตรสิกขาในทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ กิจกรรมพัฒนาผู้เรียนและเชื่อมโยงกับการนำไปใช้ในชีวิตประจำวัน ส่งเสริมความสัมพันธ์แบบกัลยาณมิตร อ่อนน้อมถ่อมตน เคารพ ให้เกียรติซึ่งกันและกัน ยิ้มแย้ม มีเมตตาต่อกัน ทั้งครูต่อนักเรียน ครูต่อครู นักเรียนต่อนักเรียน นักเรียนต่อผู้ปกครอง และครูต่อผู้ปกครอง/ชุมชน,ส่งเสริมบุคลากรและนักเรียนให้ปฏิบัติตนเป็นตัวอย่างที่ดีต่อผู้อื่น รองลงมาคือ จัดการเรียนรู้ที่ส่งเสริมการใฝ่รู้และแสวงหาความรู้ และสร้างองค์ความรู้ด้วยตนเองโดยอาศัยหลักธรรม เช่น อริยสัจ ๔ นำนักเรียนไปเรียนรู้ที่แหล่งเรียนรู้ เช่น วัด หรือศาสนสถานเป็นประจำและต่อเนื่อง ส่งเสริมบรรยากาศ ใฝ่รู้ ใฝ่เรียน ใฝ่สร้างสรรค์โดยยึดหลักคุณธรรมนำความรู้,ส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมและเห็นคุณค่าในการรักษาและสืบต่อพุทธศาสนา และน้อยที่สุดคือจัดการเรียนรู้อย่างมีความสุข ทั้งผู้เรียนและผู้จัดการเรียนรู้,ฝึกฝนอบรมให้เกิดการ กิน อยู่ ดู ฟัง เป็น (รู้เข้าใจเหตุผล และได้ประโยชน์ตามคุณค่าแท้ตามหลักไตรสิกขา)
     ระยะที่ ๓ การประเมินผลเมื่อสิ้นสุดโครงการ
            ๓.๑ ข้อมูลทั่วไปของผู้ตอบแบบประเมิน พบว่า ผู้ตอบแบบประเมิน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงมีจำนวนมากที่สุด อายุของผู้ตอบแบบประเมิน ที่มีจำนวนมากที่สุดอยู่ระหว่าง ๑๐ – ๒๐ ปี และน้อยที่สุดมีอายุระหว่าง ๒๑ – ๓๐ ปี ระดับการศึกษาของผู้ตอบแบบประเมินที่มีจำนวนมากที่สุด คือ ระดับประถมศึกษา รองลงมาคือ ระดับมัธยมศึกษา น้อยที่สุดคือ สูงกว่าปริญญาตรี ซึ่งผู้ตอบแบบสอบถามครั้งนี้มีจำนวนมากที่สุด คือ นักเรียน รองลงมาคือผู้ปกครองนักเรียน และน้อยที่สุด คือพระสงฆ์และผู้บริหาร
            ๓.๒ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านผลผลิต โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ นักเรียนปฏิบัติตนต่อพ่อแม่ ครู ญาติผู้ใหญ่ด้วยความเคารพ มีความกตัญญูรู้คุณ ตอบแทนคุณ (กตัญญูกตเวที) รองลงมาคือ นักเรียนตระหนักในบาป–บุญ คุณ–โทษ เข้าใจถึง ผลดีและผลเสียจากการปฏิบัติและไม่ปฏิบัติตามหลักธรรม และอยู่ในระดับน้อยที่สุด คือ นักเรียนแต่งกายสะอาด เรียบร้อย ถูกต้องตามกาลเทศะ,นักเรียนมีสุขภาพจิตที่ดี แจ่มใส ร่าเริง เบิกบาน
            ๓.๓ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านผลกระทบ โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ โรงเรียน วัด และชุมชนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมากขึ้น รองลงมาคือ วัดมีส่วนร่วมในการส่งเสริมสนับสนุนการจัดการศึกษา และอยู่ในระดับน้อยที่สุด คือ มีการร่วมมือจัดกิจกรรมระหว่างวัด ชุมชนและโรงเรียนมากขึ้น
            ๓.๔ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านประสิทธิผล ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่า นักเรียนมีการพัฒนาตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีแก่เพื่อนๆและคนในครอบครัว ระดับมากที่สุด รองลงมาคือ นักเรียนยึดหลักอิทธิบาท ๔ ในการปฏิบัติงานให้สำเร็จอย่างมีคุณภาพและอยู่ในระดับน้อยที่สุด คือ นักเรียนมีพัฒนาการทางสติปัญญาและการคิดวิเคราะห์มากขึ้น
            ๓.๕ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านความยั่งยืน ภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าโครงการส่งเสริมให้ทุกคนมีส่วนร่วมและเห็นคุณค่าในการรักษาและสืบต่อพระพุทธศาสนา อยู่ในระดับมากที่สุด รองลงมาคือ นักเรียนมีทักษะในการคิดอย่างมีเหตุผลด้วยวิธีการที่ถูกต้อง เข้าใจและรู้คุณค่าแท้ของสรรพสิ่ง (โยนิโสมนสิการ) และอยู่ในระดับน้อยที่สุดคือ นักเรียนมีพฤติกรรมมุ่งเป็นผู้ผลิตมากกว่าผู้บริโภค
            ๓.๖ ผลการประเมินโครงการโรงเรียนวิถีพุทธ ด้านการถ่ายโยงความรู้ ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ นักเรียนปฏิบัติตนเป็นพุทธมามากะที่ดีและปฏิบัติตนตามศาสนพิธีได้ถูกต้อง รองลงมาคือ นักเรียนปฏิบัติตนในการอยู่ร่วมกันและทำงานร่วมกัน ได้อย่างมีความสุขตามหลักสังคหวัตถุ ๔ (ทาน ปิยวาจา อัตถจริยา สมานัตตตา ) และอยู่ในระดับน้อยที่สุด คือ นักเรียนมีความรู้ เข้าใจหลักธรรมและนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้เหมาะสม
    ๒. ผลการประเมินความพึงพอใจของผู้เกี่ยวข้องกับการดำเนินงานโรงเรียนวิถีพุทธโรงเรียนเทศบาล ๓ ยุวบูรณ์บำรุง
     ผลการศึกษาโครงการโรงเรียนวิถีพุทธด้านความพึงพอใจของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในภาพรวมอยู่ในระดับมาก เมื่อพิจารณาเป็นรายข้อพบว่าข้อที่มีค่าเฉลี่ยมากที่สุดคือ นักเรียนมีคุณลักษณะอันพึงประสงค์มากขึ้น รองลงมาคือ กิจกรรมสอดคล้องตรงตามความต้องการของชุมชน (บริบท),การส่งเสริมให้นักเรียนปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดี (การถ่ายโยงความรู้) และอยู่ในระดับน้อยที่สุด คือ มีการติดตามดูแลนักเรียนอย่างต่อเนื่อง (กระบวนการ)
p.nongkhai 02 มิ.ย. 2563 เวลา 10:31 น. 0 708
ร่วมแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^