รายงานผลการใช้ชุดฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์
การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
ผู้วิจัย นายเอกชัย สายเครื่อง
ปีที่ศึกษา พ.ศ.2561
บทคัดย่อ
การวิจัยเรื่อง รายงานผลการใช้ชุดฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ของโรงเรียนเทศบาลตำบลบ้านธิ (ป่าตาลหมื่นราษฎร์อุปการ) สังกัดกองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เทศบาลตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน ได้ใช้รูปแบบการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) มีวัตถุประสงค์เพื่อ (1) เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีประสิทธิภาพ 80/80 (2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ (3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้การวิจัยในครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนเทศบาลตำบลบ้านธิ (ป่าตาลหมื่นราษฎร์อุปการ) สังกัดกองการศึกษา ศาสนาและวัฒนธรรม เทศบาลตำบลบ้านธิ อำเภอบ้านธิ จังหวัดลำพูน ที่กำลังศึกษาในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวนนักเรียน 16 คน ซึ่งได้มาโดยวิธีการเลือกแบบเจาะจง (Purposive Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้าในครั้งนี้ คือ (1) ชุดฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 13 ชุดฝึก พบว่า ค่าประสิทธิภาพเท่ากับ 83.10/81.43 และมีค่าเฉลี่ยของความเหมาะสมเท่ากับ 4.46 (2) แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 13 แผน พบว่า แผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง 13 แผน สามารถนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้ได้ (3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เป็นแบบปรนัยชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ พบว่า มีค่าความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ เท่ากับ 0.86 และ (4) แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า มีความเชื่อมั่นของแบบทดสอบทั้งฉบับ เท่ากับ 0.663 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ( ), ร้อยละ, ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และสถิติการทดสอบค่าทีกรณีกลุ่มตัวอย่างไม่เป็นอิสระต่อกัน (t-test for Dependent Samples)
ผลการวิจัยพบว่า
1. ชุดฝึกเสริมทักษะวิชาคณิตศาสตร์เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีค่าประสิทธิภาพ เท่ากับ 88.37/86.25 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์ประสิทธิภาพ 80/80 ที่กำหนดไว้
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังเรียนโดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ การหาร เศษส่วนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05
3. นักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดฝึกเสริมทักษะทางคณิตศาสตร์เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการคูณ การหารเศษส่วน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 อยู่ในระดับมากที่สุด โดยมีค่าเฉลี่ยรวม (X ̅) เท่ากับ 4.69 และส่วนเบนเบี่ยงมาตรฐาน (S.D.) เท่ากับ 0.40