รายงานผลการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาฯ
ชื่อผลงานทางวิชาการ รายงานผลการใช้แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ
หารระคน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ชื่อผู้รายงาน นางสาวภรพันธ์ หลักจริง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อสร้างแบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 (2) เพื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
ประชากรที่ใช้ในการทดลองเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน เทศบาล 4
(บ้านเชียงราย) สังกัดสำนักการศึกษาเทศบาลนครลำปาง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน
93 คน และกลุ่มตัวอย่างได้สุ่มมาจากประชากรโดยวิธีการสุ่มแบบเจาะจง (purposive sampling) จำนวน 33 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหา
การบวก ลบ คูณ หารระคน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 6 เล่ม ดังนี้ เล่มที่ 1 เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบระคน เล่มที่ 2 เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก คูณระคน เล่มที่ 3 เรื่องโจทย์ปัญหาการบวก หารระคน เล่มที่ 4 เรื่อง โจทย์ปัญหาการลบ คูณระคน เล่มที่ 5 เรื่อง โจทย์ปัญหาการลบ หารระคน เล่มที่ 6 เรื่องโจทย์ปัญหาการคูณ หารระคน และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น (reliability) เท่ากับ 0.92 วิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณหาค่าคะแนนเฉลี่ย (X), ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน ตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 โดยใช้สถิติร้อยละ (percentage) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหาความแตกต่างระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ค่า t-test แบบ dependent sample
ผลการวิจัยพบว่า 1. แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ 86.60/86.47 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 ที่ตั้งไว้
2. คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05
หารระคน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ชื่อผู้รายงาน นางสาวภรพันธ์ หลักจริง ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะครูชำนาญการ
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ 1. เพื่อสร้างแบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 (2) เพื่อเปรียบเทียบคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะ
ประชากรที่ใช้ในการทดลองเป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียน เทศบาล 4
(บ้านเชียงราย) สังกัดสำนักการศึกษาเทศบาลนครลำปาง ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน
93 คน และกลุ่มตัวอย่างได้สุ่มมาจากประชากรโดยวิธีการสุ่มแบบเจาะจง (purposive sampling) จำนวน 33 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหา
การบวก ลบ คูณ หารระคน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 จำนวน 6 เล่ม ดังนี้ เล่มที่ 1 เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก ลบระคน เล่มที่ 2 เรื่อง โจทย์ปัญหาการบวก คูณระคน เล่มที่ 3 เรื่องโจทย์ปัญหาการบวก หารระคน เล่มที่ 4 เรื่อง โจทย์ปัญหาการลบ คูณระคน เล่มที่ 5 เรื่อง โจทย์ปัญหาการลบ หารระคน เล่มที่ 6 เรื่องโจทย์ปัญหาการคูณ หารระคน และแบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ซึ่งเป็นแบบเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 30 ข้อ มีค่าความเชื่อมั่น (reliability) เท่ากับ 0.92 วิเคราะห์ข้อมูลโดยคำนวณหาค่าคะแนนเฉลี่ย (X), ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และวิเคราะห์หาประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหาการบวก ลบ คูณ หารระคน ตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 โดยใช้สถิติร้อยละ (percentage) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหาความแตกต่างระหว่างคะแนนก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ค่า t-test แบบ dependent sample
ผลการวิจัยพบว่า 1. แบบฝึกเสริมทักษะการแก้โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ 86.60/86.47 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐาน 75/75 ที่ตั้งไว้
2. คะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่องการแก้โจทย์ปัญหา การบวก ลบ คูณ หารระคน
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 หลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.05