6
เรื่องที่ศึกษา รายงานผลการจัดกิจกรรมกลางแจ้งเพื่อศึกษาพฤติกรรมการเล่นและพฤติกรรม
ทางสังคมของเด็กประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือ สำหรับเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3
ผู้ศึกษา นางสุภารัตน์ อยู่ชาติประเสริฐ
หน่วยงาน โรงเรียนบ้านหนองบัวทุ่ง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การละเล่นพื้นบ้านของไทยเป็นภูมิปัญญาไทยที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการสร้างเสริมพัฒนาการของเด็กไทย สามารถนำมาปรับจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กระดับชั้นอนุบาลได้เป็นอย่างดี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเล่นของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อศึกษาพฤติกรรมทางสังคมของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือ และเพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมทางสังคมของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ระหว่างก่อนกับหลังจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 อายุ 5-6 ปี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนบ้านหนองบัวทุ่ง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 จำนวน 13 คน จาก 1 ห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือ จำนวน 30 แผน แผนละ 30 นาที เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบสังเกตพฤติกรรมการเล่น จำนวน 4 ด้าน และแบบสังเกตพฤติกรรมทางสังคม จำนวน 4 ด้าน ผู้ศึกษาได้เก็บรวบรวมข้อมูลโดยสังเกตพฤติกรรมทางสังคมจากการเล่นกิจกรรมกลางแจ้งหรือการเล่นอิสระของเด็กก่อนจัดกิจกรรม 5 วัน สังเกตพฤติกรรมการเล่นและพฤติกรรมทางสังคมขณะที่จัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือ และสังเกตพฤติกรรมทางสังคมจากการเล่นกิจกรรมกลางแจ้งหรือการเล่นอิสระของเด็กหลังจัดกิจกรรม 5 วัน นำข้อมูลมาวิเคราะห์ผลโดยใช้ร้อยละ และสถิติพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ
สรุปผลการศึกษาดังนี้
1. พฤติกรรมการเล่นของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือมีคะแนนการสังเกตพฤติกรรมการเล่นของเด็กโดยรวมคิดเป็นร้อยละ 80.20 อยู่ในระดับดีมาก และมีคะแนนการสังเกตพฤติกรรมการเล่นของเด็กด้านการใช้กล้ามเนื้อคิดเป็นร้อยละ 88.46 ด้านการใช้ภาษาคิดเป็นร้อยละ 90.51 ด้านการแสดงออกทางสังคม คิดเป็นร้อยละ 83.25 และด้านการแสดงออกทางอารมณ์คิดเป็นร้อยละ 84.70 ซึ่งอยู่ในระดับดีมากทุกด้าน
2. พฤติกรรมทางสังคมของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมกลางแจ้งประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือมีคะแนนการสังเกตพฤติกรรมทางสังคมโดยรวมอยู่ในระดับดีมากคิดเป็นร้อยละ 85.26 โดยมีคะแนนการสังเกตพฤติกรรมทางสังคมของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ด้านความไวในการรับรู้อารมณ์ผู้อื่น คิดเป็นร้อยละ 85.04 ด้านการควบคุมอารมณ์ตนเองคิดเป็นร้อยละ 83.76 ด้านความไวในการรับรู้ทางสังคมคิดเป็นร้อยละ 83.76 และด้านการควบคุมทางสังคมคิดเป็นร้อยละ 88.46 ซึ่งอยู่ในระดับดีมากทุกด้าน
3. ผลการสังเกตพฤติกรรมทางสังคมของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 หลังจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือมีคะแนนสูงกว่าก่อนจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือคิดเป็นร้อยละ 17.30
ทางสังคมของเด็กประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือ สำหรับเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3
ผู้ศึกษา นางสุภารัตน์ อยู่ชาติประเสริฐ
หน่วยงาน โรงเรียนบ้านหนองบัวทุ่ง
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การละเล่นพื้นบ้านของไทยเป็นภูมิปัญญาไทยที่มีคุณค่าอย่างยิ่งต่อการสร้างเสริมพัฒนาการของเด็กไทย สามารถนำมาปรับจัดประสบการณ์เพื่อพัฒนาเด็กระดับชั้นอนุบาลได้เป็นอย่างดี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อศึกษาพฤติกรรมการเล่นของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือ เพื่อศึกษาพฤติกรรมทางสังคมของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือ และเพื่อเปรียบเทียบพฤติกรรมทางสังคมของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ระหว่างก่อนกับหลังจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือ กลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ เด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 อายุ 5-6 ปี ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนบ้านหนองบัวทุ่ง สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษานครราชสีมา เขต 6 จำนวน 13 คน จาก 1 ห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ในการทดลอง ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือ จำนวน 30 แผน แผนละ 30 นาที เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ประกอบด้วย แบบสังเกตพฤติกรรมการเล่น จำนวน 4 ด้าน และแบบสังเกตพฤติกรรมทางสังคม จำนวน 4 ด้าน ผู้ศึกษาได้เก็บรวบรวมข้อมูลโดยสังเกตพฤติกรรมทางสังคมจากการเล่นกิจกรรมกลางแจ้งหรือการเล่นอิสระของเด็กก่อนจัดกิจกรรม 5 วัน สังเกตพฤติกรรมการเล่นและพฤติกรรมทางสังคมขณะที่จัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือ และสังเกตพฤติกรรมทางสังคมจากการเล่นกิจกรรมกลางแจ้งหรือการเล่นอิสระของเด็กหลังจัดกิจกรรม 5 วัน นำข้อมูลมาวิเคราะห์ผลโดยใช้ร้อยละ และสถิติพื้นฐานที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และร้อยละ
สรุปผลการศึกษาดังนี้
1. พฤติกรรมการเล่นของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือมีคะแนนการสังเกตพฤติกรรมการเล่นของเด็กโดยรวมคิดเป็นร้อยละ 80.20 อยู่ในระดับดีมาก และมีคะแนนการสังเกตพฤติกรรมการเล่นของเด็กด้านการใช้กล้ามเนื้อคิดเป็นร้อยละ 88.46 ด้านการใช้ภาษาคิดเป็นร้อยละ 90.51 ด้านการแสดงออกทางสังคม คิดเป็นร้อยละ 83.25 และด้านการแสดงออกทางอารมณ์คิดเป็นร้อยละ 84.70 ซึ่งอยู่ในระดับดีมากทุกด้าน
2. พฤติกรรมทางสังคมของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่ได้รับการจัดกิจกรรมกลางแจ้งประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือมีคะแนนการสังเกตพฤติกรรมทางสังคมโดยรวมอยู่ในระดับดีมากคิดเป็นร้อยละ 85.26 โดยมีคะแนนการสังเกตพฤติกรรมทางสังคมของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 ด้านความไวในการรับรู้อารมณ์ผู้อื่น คิดเป็นร้อยละ 85.04 ด้านการควบคุมอารมณ์ตนเองคิดเป็นร้อยละ 83.76 ด้านความไวในการรับรู้ทางสังคมคิดเป็นร้อยละ 83.76 และด้านการควบคุมทางสังคมคิดเป็นร้อยละ 88.46 ซึ่งอยู่ในระดับดีมากทุกด้าน
3. ผลการสังเกตพฤติกรรมทางสังคมของเด็กชั้นอนุบาลปีที่ 3 หลังจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือมีคะแนนสูงกว่าก่อนจัดกิจกรรมกลางแจ้งโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านประกอบการเรียนรู้แบบร่วมมือคิดเป็นร้อยละ 17.30