LASTEST NEWS

26 เม.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 26 เม.ย. 2567สพป.แพร่ เขต 1 ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 2) - ผลย้ายครู 2567 สพป.แพร่ เขต 1 26 เม.ย. 2567ก.ค.ศ. อนุมัติให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีและเลื่อนเป็นวิทยฐานะเชี่ยวชาญ  26 เม.ย. 2567สพป.ชัยนาท ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 2) - ผลย้ายครู 2567 สพป.ชัยนาท 26 เม.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 26 เม.ย. 2567สพม.นครศรีธรรมราช ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 1) - ผลย้ายครู 2567 สพม.นครศรีธรรมราช 26 เม.ย. 2567สพม.ลพบุรี ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 1) - ผลย้ายครู 2567 สพม.ลพบุรี 26 เม.ย. 2567สพม.สุรินทร์ ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 2) - ผลย้ายครู 2567 สพม.สุรินทร์ 26 เม.ย. 2567สพป.ตาก เขต 1 ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 1) - ผลย้ายครู 2567 สพป.ตาก เขต 1 26 เม.ย. 2567สพป.ลำพูน เขต 2 ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 รอบที่ 1 (ครั้งที่ 1) - ผลย้ายครู 2567 สพป.ลำพูน เขต 2

เผยแพร่ผลงานวิชาการงานเครื่องยนต์ดีเซล

usericon

ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    สอนครั้งที่ 1
ชื่อวิชา งานเครื่องยนต์ดีเซล รหัสวิชา 2101-2002     ระดับ ปวช.
ชื่อหน่วย หลักการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซล         แผ่นที่ 1

    เครื่องยนต์ดีเซลเผาไหม้ภายใน (Internal Combustion Engine) ซึ่งมีอัตราส่วนการอัดตัวสูงประมาณ 15-22 ต่อ 1 เครื่องยนต์จะดูดเฉพาะอากาศอย่างเดียวเข้าไปภายในกระบอกสูบในจังหวะอัดอากาศภายในกระบอกสูบจะถูกอัดจนมีอุณหภูมิสูงประมาณ 500-800 องศาเซลเซียส หรือมากกว่า จากนั้นหัวฉีดจะจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงที่เป็นฝอยละอองเข้าไปภายในห้องเผาไหม้ในตำแหน่งที่พอเหมาะน้ำมันจะคลุกเคล้ากับอากาศร้อนจนเป็นไอและเกิดการจุดระเบิดได้ด้วยตัวเอง
1.    ความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนการอัดกับความดันในกระบอกสูบ
     อัตราส่วนการอัด คือ อัตราส่วนระหว่างปริมาตรภายในกระบอกสูบขณะที่ลูกสูบอยู่ที่ตำแหน่งศูนย์ตายล่าง(BDC)กับปริมาตรภายในกระบอกสูบขณะที่ลูกสูบอยู่ในตำแหน่งศูนย์ตายบน(TDC) เนื่องจากในเครื่องยนต์ดีเซลมีเพียงอากาศเท่านั้นที่ถูกอัดในกระบอกสูบในจังหวะอัด จึงจำเป็นต้องใช้อัตราส่วนการอัดสูงเพื่อให้อากาศที่ถูกอัดมีอุณหภูมิสูงขึ้นมากพอจนสามารถทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงจุดระเบิดได้ด้วยตัวเองจากรูปที่ 2.1 แสดงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนการอัดกับความดัน และอุณหภูมิในการอัด โดยจะสมมุติว่าการอัดไม่มีอากาศรั่ว และไม่เกิดการสูญเสียความร้อนระหว่างลูกสูบกับกระบอกสูบ ตัวอย่างเช่น เมื่ออัตราส่วนการอัดเป็น 12 กราฟแสดงว่าความดันในการอัดสูงประมาณ 3 MPa (30 kgf/cm2) และอุณหภูมิ 300 องศาเซลเซียส ถ้าอัตราส่วนการอัดสูง ความดันและอุณหภูมิก็จะสูงขึ้นไปด้วย

รูปที่ 2.1 แสดงอัตราส่วนการอัดและความสัมพันธ์ระหว่างอัตราส่วนการอัดกับความดัน
และอุณหภูมิในกระบอกสูบ
ที่มา ; บรรเจิด เปาจีน, 2560, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เอมพันธ์.
ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    แผ่นที่ 2

2.    วัฏจักรการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ (Four – Stroke diesel cycle)
     การทำงานของเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะหมายถึง การเคลื่อนที่ของลูกสูบ ขึ้น-ลง รวมกัน 4 ครั้ง เพลาข้อเหวี่ยงหมุนไป 2 รอบคิดเป็นองศาเท่ากับ 720 องศา เรียกว่า การทำงานครบ 1 กลวัตร (Cycle) ลำดับการทำงานทั้ง 4 จังหวะ มีดังนี้
2.1    จังหวะดูด (Intake stoke)
     จังหวะดูด เริ่มจากตำแหน่งลูกสูบอยู่ศูนย์ตายบน (Top dead center or TDC) เพลาข้อเหวี่ยงเคลื่อนที่ลงสู่ศูนย์ตายล่าง (Bottom dead center or BDC) ทำให้ลูกสูบ เลื่อนลง เกิดสุญญากาศขึ้นภายในกระบอกสูบ ลิ้นไอดีถูกเปิดออก (ลิ้นไอดีเปิดก่อนศูนย์ตายบน) ส่วนลิ้นไอเสียปิด อากาศบริสุทธิ์ถูกดูดผ่านช่องลิ้นไอดีเข้ามาในกระบอกสูบ การที่อากาศสามารถไหลเข้ามาได้ก็เนื่องจากลูกสูบเคลื่อนที่ลงทำให้ปริมาตรบนหัวลูกสูบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วส่งผลให้เกิดสุญญากาศบริเวณหัวลูกสูบ ความดันบรรยากาศภายนอกดันอากาศไปแทนที่ในกระบอกสูบ
        สรุป ในจังหวะดูด ลูกสูบเคลื่อนที่ลง ลิ้นไอดีเปิด (การทำงานจริงลิ้นไอดีเปิดก่อนศูนย์ตายบน) ลิ้นไอเสียปิด เพลาข้อเหวี่ยงหมุนไปเป็นมุมประมาณ 180 องศา

รูปที่ 2.2 แสดงจังหวะดูด
ที่มา ; https://pantip.com/topic
ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    แผ่นที่ 3

    2.2 จังหวะอัด (Compression Stroke)
     เมื่อลิ้นไอดีปิด อันเป็นจุดเริ่มต้นของจังหวะอัดซึ่งลูกสูบจะเคลื่อนที่ขึ้นไปสู่ศูนย์ตายบน จังหวะนี้อากาศประมาณ 16-22 ส่วนที่ถูกดูดเข้ากระบอกสูบมาในจังหวะดูดจะถูกอัดตัวให้มีปริมาตรเล็กลงเหลือประมาณ 1 ส่วน ดังนั้นอากาศจึงมีความดันและอุณหภูมิที่สูงขึ้นพร้อมสำหรับการสันดาป

รูปที่ 2.3 แสดงจังหวะอัด
ที่มา ; https:// pantip.com/topic







ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    แผ่นที่ 4

    2.3 จังหวะกำลัง (Power Stroke)
         บางครั้งเรียกว่า จังหวะระเบิด (Expansion Stroke) (ซึ่งเริ่มนับจากหัวฉีด ฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง) กำลังจากการระเบิดหรือการสันดาป (Combustion) ภายในห้องเผาไหม้จะผลักดันให้ลูกสูบเคลื่อนที่ลงมาเป็นกำลังงานขับเคลื่อนของเครื่องยนต์ ในจังหวะนี้จะไปสิ้นสุดจนกว่าลิ้นไอเสียจะเปิด
หมายเหตุ ในความเป็นจริงแล้วการจุดระเบิดถูกเริ่มต้นก่อนที่หัวลูกสูบจะถึง ศูนย์ตายบนแล้วมาระเบิดรุนแรงที่สุดในช่วงที่หัวลูกสูบเคลื่อนที่เลยจากศูนย์ตายบนมาแล้วเล็กน้อย

รูปที่ 2.4 แสดงจังหวะระเบิดหรือจังหวะงาน
ที่มา ; https://pantip.com/topic



ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    แผ่นที่ 5

        2.4 จังหวะคาย (Exhaust Stroke)
         จังหวะนี้เริ่มต้นจากลิ้นไอเสียจะเริ่มเปิดก่อนที่ลูกสูบจะเคลื่อนที่ถึงศูนย์ตายล่าง แก๊สไอเสียซึ่งยังมีความดันจากการขยายตัวอยู่จะระบายออกทางลิ้นไอเสีย เมื่อลูกสูบเคลื่อนที่เลยจากศูนย์ตายล่าง (BDC) จะผลักดันให้ไอเสียไหลออกไปจากกระบอกสูบ
     หมายเหตุ ขณะที่หัวลูกสูบเคลื่อนที่ถึงศูนย์ตายบนนั้น ลิ้นไอเสียยังไม่ปิดสนิทแต่จะเปิดเล็กน้อยแล้วไปปิดเมื่อเลยจากศูนย์ตายบนไปเล็กน้อย ซึ่งในช่วงนี้ไอเสียจะสามารถไหลออกจากกระบอกสูบด้วยแรงเฉื่อย และขณะเดียวกันนี้จะเกิดแรงดูดอากาศให้เริ่มเข้ากระบอกสูบ ช่วงที่ลิ้นไอเสียเริ่มปิด และไอดีเริ่มเปิดนี้เรียกว่าจังหวะโอเวอร์แลป (Overlap)

รูปที่ 2.5 แสดงจังหวะคาย
ที่มา ; https://pantip.com/topic
    3. แผนภูมิวัฏจักรการทำงาน (Working Cycle Diagram)
     จากรูปที่ 2.6 เป็นวัฏจักรการทำงานที่มีการเผาไหม้แบบปริมาตรคงที่เหมือนวัฏจักร ออตโต ผสมกับการเผาไหม้แบบความดันคงที่เหมือนวัฏจักรดีเซล จึงเรียกวัฏจักรนี้ว่า “วัฏจักรผสม”
ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    แผ่นที่ 6

และเป็นต้นแบบของเครื่องยนต์ดีเซลหมุนเร็วที่ใช้ในปัจจุบัน การเผาไหม้ในช่วงแรกเป็นแบบปริมาตรคงที่ และเผาไหม้ต่อไปแบบความดันคงที่ขณะลูกสูบเคลื่อนที่ลง การเผาไหม้ลักษณะนี้เกิดขึ้นเนื่องจากการควบคุมการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิง กล่าวคือการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงแรกจะฉีดเข้า ห้องเผาไหม้ในปริมาณน้อยขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่ก่อนถึงศูนย์ตายบนประมาณ 20 - 30 องศา ทำให้เกิดการเผาไหม้อย่างฉับพลันเมื่อลูกสูบเคลื่อนที่ถึงศูนย์ตายบน จากนั้นจึงฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงส่วนที่เหลือในปริมาณที่มากกว่าครั้งแรกเพื่อให้เกิดการเผาไหม้แบบความดันคงที่

รูปที่ 2.6 แสดงกราฟความสัมพันธ์ความดันกับปริมาตร ของเครื่องยนต์ดีเซลหมุนเร็ว 4 จังหวะ
ที่มา ; บรรเจิด เปาจีน, 2560, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เอมพันธ์.
    4. แผนภูมิเวลาการเปิดและปิดลิ้นของเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ (Valve Timing Diagram)
        จากรูปที่ 2.7 แสดงให้เห็นถึงองศาในการเปิด และปิดของลิ้นไอดีและลิ้นไอเสียตลอดจนองศา การฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงของหัวฉีดในเครื่องยนต์ดีเซล 4 จังหวะ ใน 1 กลวัตร การทำงานของหัวฉีด จะฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเป็นฝอยละอองละเอียดเข้าไปกระทบอากาศร้อนในห้องเผาไหม้ สำหรับองศาการเปิด และปิดของลิ้นรวมถึงองศาการฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงจะแตกต่างกันออกไปตามบริษัทผู้ผลิตและจุดประสงค์ของการนำไปใช้งาน รายละเอียดจากรูปที่ 2.7 มีดังต่อไปนี้

ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    แผ่นที่ 7
    
        4.1 เริ่มต้น
             เมื่อลิ้นไอดีเปิดก่อนลูกสูบเคลื่อนที่ถึงศูนย์ตายบน 15 องศา (15º BTDC) และปิดหลังศูนย์ตายล่าง 40 องศา (40º ABDC) ในระหว่างจังหวะดูดเพื่อให้ปริมาณอากาศเข้าประจุภายในกระบอกสูบได้มากที่สุดเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพทางปริมาตรของเครื่องยนต์ เมื่อคิดระยะเวลาทั้งหมดที่ลิ้นไอดีเปิดเป็นองศาที่เพลาข้อเหวี่ยงหมุนไปจะเท่ากับ 235 องศา (15 + 180 + 40 = 235)

รูปที่ 2.7 แสดงแผนภูมิเวลาเปิด ปิดลิ้นของเครื่องยนต์ดีเซลหมุนเร็ว 4 จังหวะ
ที่มา ; บรรเจิด เปาจีน, 2560, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เอมพันธ์.
    4.2 ในช่วงปลายจังหวะอัด
     คือก่อนที่ลูกสูบเคลื่อนที่ถึงศูนย์ตายบน 20 องศา (20º BTDC) หัวฉีดจะฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงเข้าไปในห้องเผาไหม้ เหตุผลที่หัวฉีดจะต้องฉีดน้ำมันเชื้อเพลิงก่อนศูนย์ตายบน (การหน่วงเวลาติดไฟของน้ำมันดีเซล) เพื่อให้มีเวลาเพียงพอในการเผาไหม้ได้อย่างสมบูรณ์เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการเผาไหม้
    4.3 จังหวะคาย
     ลิ้นไอเสียจะเปิดก่อนลูกสูบเคลื่อนที่ถึงศูนย์ตายล่าง 48 องศา (48º BBDC) และปิดหลังศูนย์ตายบน 25 องศา (25º ATDC) เพื่อขับไล่ไอเสียออกจากกระบอกสูบได้อย่างรวดเร็วและ

ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    แผ่นที่ 8

มากที่สุด เมื่อคิดระยะเวลาทั้งหมดที่ลิ้นไอเสียเปิดเป็นองศาที่เพลาข้อเหวี่ยงหมุนไปจะเท่ากับ 270 องศา (48 + 180 + 25 = 253)
4.4    ลิ้นโอเวอร์แลป (Valve overlap)
     คือ ลิ้นไอดีเริ่มเปิดในจังหวะดูด ส่วนลิ้นไอเสียกำลังจะปิดสนิทในจังหวะคาย ตำแหน่งนี้มีไว้เพื่อให้อากาศส่วนหนึ่งเข้าไปกวาดล้างไอเสียออกจากกระบอกสูบ ให้หมด จากรูปที่ 2.7 ลิ้นไอดีเปิดก่อนศูนย์ตายบน 15 องศาและลิ้นไอเสียปิดหลังศูนย์ตายบน 25 องศา เมื่อคิดเป็นองศาที่เพลาข้อเหวี่ยงหมุนไปจะเท่ากับ 40 องศา (15 + 25 = 40)
    5. การเปรียบเทียบจังหวะการทำงาน ของเครื่องยนต์ดีเซล กับเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ
     จากจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลเมื่อนำไปเปรียบเทียบกับเครื่องยนต์แก๊สโซลีน 4 จังหวะ สามารถสรุปได้ ดังตารางที่ 2.1
ตารางที่ 2.1 การเปรียบเทียบจังหวะการทำงานของเครื่องยนต์ดีเซลกับเครื่องแก๊สโซลีน 4 จังหวะ

เครื่องยนต์
จังหวะการทำงาน    เครื่องยนต์ดีเซล    เครื่องยนต์แก๊สโซลีน
จังหวะดูด    ดูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปในกระบอกสูบอย่างเดียว    ดูดส่วนผสมอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง(ไอดี) เข้าไปในกระบอกสูบ
จังหวะอัด    อัดอากาศบริสุทธิ์ให้มีความดันและอุณหภูมิสูง    อัดส่วนผสมอากาศกับน้ำมันเชื้อเพลิง
จังหวะระเบิด    ฉีดเชื้อเพลิงเข้าไปในกระบอกสูบและเกิดการจุดระเบิดด้วยตัวเอง    ใช้หัวเทียนจุดประกายไฟเพื่อให้เกิดการเผาไหม้
จังหวะคาย    ลูกสูบขับไล่ไอเสียออกจากกระบอกสูบ    ลูกสูบขับไล่ไอเสียออกจากกระ บอกสูบ
การควบคุมกำลังงานของเครื่องยนต์    ควบคุมปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกฉีดเข้ากระบอกสูบ    ควบคุมปริมาณของไอดีเข้าสู่กระบอกสูบ



ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    แผ่นที่ 9

    6. กระบวนการเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล (Combustion Process)
     กระบวนการเผาไหม้ หมายถึง การเผาไหม้ของน้ำมันดีเซลที่ฉีดเป็นฝอยละอองเข้าไปในห้องเผาไหม้ของเครื่องยนต์ดีเซล โดยละอองของน้ำมันดีเซลจะคลุกเคล้ากับออกซิเจนของอากาศที่ถูกอัดตัว ความร้อนที่ถูกอัดตัวของอากาศจะทำให้น้ำมันดีเซลเกิดการลุกไหม้ด้วยตัวเอง การฉีดน้ำมันดีเซลช่วงแรกจะทำให้เกิดความร้อนมาก และทำให้น้ำมันเชื้อเพลิงส่วนที่ฉีดลงไปกลายเป็นไอได้รวดเร็วขึ้น ถ้ามีออกซิเจนเพียงพอจะทำให้กระบวนการเผาไหม้น้ำมันดีเซลเกิดขึ้นได้อย่างสม่ำเสมอและรวดเร็ว เผาไหม้น้ำมันดีเซลได้สมบูรณ์ การเผาไหม้น้ำมันดีเซลแบ่งออกได้เป็น 4 ขั้น ดังรูปที่ 2.8

รูปที่ 2.8 แสดงกราฟกระบวนการเผาไหม้ในห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ดีเซล
ที่มา ; วีระ ทองประสิทธิ์ และ สะอ้าน หรั่งช้าง 2558, กรุงเทพฯ: ศูนย์ส่งเสริมอาชีวะ.
            6.1 ช่วง A - B คือระยะหน่วงจุดระเบิด (Ignition delay)
                 ได้แก่ช่วงเวลาที่หัวฉีดเริ่มมีการฉีดน้ำมันดีเซลที่จุดหนึ่งจุดใด ก่อนลูกสูบจะถึงศูนย์ตายบนในจังหวะอัดแต่ยังไม่มีการจุดระเบิด (หน่วงเวลาคลุกเคล้าน้ำมันเชื้อเพลิงกับอากาศ) จนได้เวลา และอุณหภูมิสูงถึงช่วงการจุดระเบิดได้ด้วยตัวเอง จึงติดไฟช่วงเวลานี้น้ำมันดีเซลเริ่มฉีดจนกระทั่งน้ำมันดีเซลเริ่มเผาไหม้ เรียกว่า “ระยะเวลาหน่วงการจุดระเบิดน้ำมันดีเซล”

ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    แผ่นที่ 10

            6.2 ช่วง B – C คือระยะเวลาการเผาไหม้ (Combustion Period)
                ต่อจากขั้นตอนที่ A – B เปลวไฟจะแพร่กระจายไปทั่วห้องเผาไหม้ ที่เกิดจากการหมุนวนของอากาศตามการออกแบบห้องเผาไหม้บังคับการหมุนวนของอากาศเพื่อให้ออกซิเจนรวมตัวกับอณูของน้ำมันดีเซล จึงทำให้เกิดการเผาไหม้อย่างรวดเร็วและสมบูรณ์
            6.3 ช่วง C – D คือช่วงระยะเวลาการเผาไหม้น้ำมันดีเซลส่วนที่เหลือ
                เป็นขั้นตอนที่ต่อจาก B – C โดยน้ำมันดีเซลที่เหลือจากการเผาไหม้จาก B – C และน้ำมันดีเซลที่ยังคงออกจากหัวฉีดอยู่จะเกิดการเผาไหม้ขึ้น ระยะนี้ขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำมันดีเซลที่ฉีดในช่วงหลังและจำนวนออกซิเจนที่เหลืออยู่ในขณะนั้น
            6.4 ช่วง D – E คือระยะการเผาไหม้สุดท้าย
                ช่วงนี้เกิดจากน้ำมันดีเซลที่เหลือจากหัวฉีดหยุดการฉีดน้ำมันดีเซลโดยเผาไหม้ในขณะที่ลูกสูบเคลื่อนที่ลงสู่ศูนย์ตายล่าง
    7. เวลาหน่วงติดไฟของน้ำมันดีเซล (Ignition Lag หรือ Delay Period)

        รูปที่ 2.9 แสดงกราฟความดันการเผาไหม้เวลาหน่วงติดไฟ
ที่มา ; วีระ ทองประสิทธิ์ และ สะอ้าน หรั่งช้าง 2558, กรุงเทพฯ: ศูนย์ส่งเสริมอาชีวะ.
ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    แผ่นที่ 11

        การเผาไหม้ภายในห้องเผาไหม้เครื่องยนต์ดีเซล ไม่ได้เกิดขึ้นทันที่ตามตำแหน่งปั๊มดีเซลหรือตำแหน่งเริ่มฉีดน้ำมันดีเซล แต่จะเกิดขึ้นหลังจากการฉีดน้ำมันดีเซลเข้าห้องเผาไหม้ประมาณ 1 ใน 1,000 วินาที เพื่อให้ละอองน้ำมันดีเซลระเหยผสมกับอากาศในเสี้ยววินาทีนั้น เสียก่อนเป็นช่วงการเตรียมการเผาไหม้แล้วจึงเกิดการเผาไหม้ การเผาไหม้จะได้สมบูรณ์ ช่วงเวลาหน่วงติดไฟขึ้นอยู่กับ คุณสมบัติของน้ำมันดีเซล อุณหภูมิ และความดันอากาศในห้องเผาไหม้ ถ้าอุณหภูมิและความดันอากาศในห้องเผาไหม้สูง เวลาหน่วงติดไฟจะสั้นลง
            7.1 สาเหตุที่ทำให้เวลาหน่วงติดไฟนาน
                7.1.1 ความดันอากาศในห้องเผาไหม้น้อย
                        อุณหภูมิที่เกิดขึ้นในห้องเผาไหม้จะต่ำ เวลาหน่วงติดไฟจะยึดนานออกไป เหมือนเครื่องยนต์สภาพเย็น
                7.1.2 ละอองน้ำมันดีเซลที่ฉีดเข้าไปในห้องเผาไหม้
                        ละอองน้ำมันดีเซลถ้าเป็นหยดหรือละอองหยาบน้ำมันดีเซลจะระเหยกลายเป็นไอยาก ต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น
                7.1.3 การหมุนเวียนของอากาศภายในห้องเผาไหม้
                ต้องหมุนเวียนให้เกิดอุณหภูมิถ่ายเทกันทั่วและรวมตัวกับละอองน้ำมันดีเซลในอัตราส่วนที่พอเหมาะ
        7.1.4 การตั้งปั๊มอ่อนหรือแก่เกินไป
            การตั้งปั๊มอ่อนหรือแก่เกินไปจะทำให้การฉีดน้ำมันดีเซลเข้าไปในห้องเผาไหม้ไม่ตรงกำหนด
        7.1.5 ตัวเร่งฉีดน้ำมัน
            ตัวเร่งฉีดน้ำมัน คือ เร่งให้ปั๊มฉีดน้ำมันดีเซลเร็วขึ้น เมื่อเร่งเครื่องยนต์ให้มีความเร็วรอบสูงขึ้น แต่ถ้าประสิทธิภาพที่เร่งฉีดไม่ดีจะฉีดน้ำมันเร็วหรือช้ากว่ากำหนด

        7.1.6 น้ำมันดีเซลที่มีดัชนีซีเทนต่ำ
            น้ำมันดีเซลที่มีดัชนีซีเทนต่ำ จะทำให้เวลาหน่วงติดไฟนานกว่าน้ำมันดีเซลที่มีดัชนีเทนสูง


ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    แผ่นที่ 12

        7.1.7 เครื่องยนต์เดินเบาช้ามาก
            เครื่องยนต์ที่เดินเบาช้ามาก ความร้อนที่เกิดขึ้นจากการอัดอากาศจะน้อยกว่าเครื่องยนต์ที่ความเร็วรอบสูง
    8. การเคาะ หรือการน็อกของเครื่องยนต์ดีเซล (Diesel knock)
     การเคาะ หรือการน็อกในเครื่องยนต์ดีเซล คือ การระเบิดอย่างรุนแรงเกินกว่าปกติเกิดขึ้นภายใน กระบอกสูบของเครื่องยนต์ในจังหวะระเบิดหรือจังหวะงาน ลักษณะการระเบิดดังกล่าวจะทำให้เกิดคลื่นความดันที่มีความเร็วในการเคลื่อนตัวเท่ากับความเร็วเสียง และเมื่อกระทบกับโลหะจะทำให้เกิดเสียงดัง ที่เรียกว่า เคาะ หรือน็อก Knock การเคาะหรือการน็อกของเครื่องยนต์ดีเซลจะเกิดขึ้นในช่วงการเผาไหม้อย่างรวดเร็ว(ช่วง B - C รูปที่ 2.8) ซึ่งมีความสัมพันธ์กับช่วงหน่วงการจุดระเบิด ทั้งนี้เนื่องจากจะมีไอน้ำมันเชื้อเพลิงที่ถูกฉีดเข้ามาในกระบอกสูบมากเกินไปในช่วงหน่วงการจุดระเบิด ในช่วงนี้ถ้าไอน้ำมันที่ถูกทำให้ร้อนขึ้นจากการอัด และระเหยตัวเป็นไอเกิดการติดไฟฟ้าช้า หรือนานเกินไปก็จะทำให้มีไอน้ำมันเกิดการสะสมในปริมาณมากไปติดไฟ และถูกเผาไหม้ในปริมาณมากเกินไปในครั้งเดียวในช่วงของการเผาไหม้อย่างรวดเร็ว (ช่วง B - C รูปที่ 2.8) ดังนั้นจึงเป็นเหตุให้เกิดคลื่นความดันเพิ่มขึ้นในกระบอกสูบด้วยเวลาอันรวดเร็วเกินไป การเคาะของเครื่องยนต์ดีเซลดังรูปที่ 2.10


รูปที่ 2.10 แสดงแผนภาพการเคาะของเครื่องยนต์
ที่มา ; บรรเจิด เปาจีน, 2560, กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์เอมพันธ์.
ใบเนื้อหา หน่วยที่ 2    แผ่นที่ 13

    ดังนั้นเพื่อป้องกันการเคาะของเครื่องยนต์ดีเซล จึงมีวิธีป้องกันดังนี้
8.1 ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงที่มีค่าซีเทนสูง การใช้น้ำมันที่มีส่วนผสมของซีเทนสูงจะทำให้น้ำมันมีคุณสมบัติในการจัดระเบิดได้ง่ายที่อุณหภูมิต่ำ
8.2    ลดปริมาณการฉีดของน้ำมันเชื้อเพลิง ที่จุดเริ่มฉีดน้ำมัน (จุด A ในรูป ที่ 2.8) การลดปริมาณน้ำมันเชื้อเพลิงในช่วงนี้จะทำให้ติดไฟได้ง่ายไม่เกิดการสะสมปริมาณของไอน้ำมันปริมาณมากในช่วงของการเผาไหม้อย่างรวดเร็ว การลดปริมาณน้ำมันทำได้ โดยการใช้หัวฉีดแบบหน่วงเวลาในการฉีด ในเครื่องยนต์ดีเซลแบบคอมมอนเรลจะใช้การฉีดนำร่อง หรือฉีดเพียงน้อย
8.3     เพิ่มอุณหภูมิของอากาศ และความดันที่จุดเริ่มต้นการฉีด
8.4     เพิ่มอุณหภูมิของห้องเผาไหม้

    9. น้ำมันเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์ดีเซล
     เครื่องยนต์ดีเซลจะใช้น้ำมันเชื้อเพลิง น้ำมันเชื้อเพลิงจะถูกฉีดเข้าห้องเผาไหม้และเกิดจากการจุดระเบิดขึ้นด้วยตนเอง การวัดความสามารถของน้ำมันเชื้อเพลิงดีเซลในการติดไฟได้อย่างรวดเร็ว เรียกว่า ซีเทนนัมเบอร์ (Cetane Number)
     ค่าซีเทนนัมเบอร์ คือค่าตัวเลขที่แสดงถึงคุณภาพของน้ำมันดีเซลด้านคุณสมบัติในการ จุดติดไฟซึ่งค่าซีเทนที่เหมาะสมกับเครื่องยนต์จะช่วยให้เครื่องยนต์สตาร์ตติดง่าย ไม่เกิดการน็อก และช่วยให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิงด้วย
     โดยทั่วไปน้ำมันดีเซลที่ใช้กันอยู่จะมีค่าซีเทนอยู่ระหว่าง 40 – 55 สำหรับเครื่องยนต์ดีเซลความเร็วรอบปานกลางและความเร็วรอบสูงจะใช้น้ำมันที่มีค่าซีเทน อยู่ระหว่าง 40 – 50 ส่วนประกอบน้ำมันดีเซลจะมีส่วนผสมของนอร์มอลซีเทน (Nomal centane) ซึ่งมีคุณสมบัติในการจุดติดไฟและป้องกันการน็อกได้ดี มีค่าซีเทนเท่ากับ 100 และมีเฮปตาเมทิลโนแนน (Heptamethynonane) ซึ่งมีคุณสมบัติในการจุดติดไฟและป้องกันการน็อกต่ำ
    

tomyarisone 04 ธ.ค. 2561 เวลา 09:03 น. 0 1,232
ร่วมแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^