LASTEST NEWS

18 พ.ค. 2567‘สิริพงศ์’ แจงชัดประกาศยกเว้น/ผ่อนผันแต่งเครื่องแบบนักเรียน เพื่อลดความเดือดร้อนผู้ปกครอง ไม่ได้สั่งยกเลิกชุดนักเรียน 18 พ.ค. 2567สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รับสมัครพนักงานราชการ 12 อัตรา ตั้งแต่บัดนี้ เป็นต้นไป 17 พ.ค. 2567เปิดเทอมใหม่ “ครู-นร.” เฮ! สพฐ.กำชับทุกโรงเรียน “ลดการบ้าน” 17 พ.ค. 2567เปิดเทอมใหม่ สพฐ.กำชับโรงเรียน “ลดการบ้าน-ลดประเมิน” สร้างความสุขนักเรียน-ครู 17 พ.ค. 2567ด่วนที่สุด !! รมว.ศธ. แจ้งหัวหน้าส่วนราชการ ผ่อนผันการแต่งเครื่องแบบนักเรียน 16 พ.ค. 2567กรมราชทัณฑ์ เปิดสอบบรรจุเข้ารับราชการ 102 อัตรา สมัครได้ทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่วันที่ 27 พฤษภาคม 2567 - 18 มิถุนายน 2567 16 พ.ค. 2567โรงเรียนวัดสํานักบก รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาภาษาอังกฤษ เงินเดือน 15,000.- บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 22 พฤษภาคม 2567 16 พ.ค. 2567“บิ๊กอุ้ม” จี้อ.ก.ค.ศเขตพื้นที่ ทำงานโปร่งใส ไร้ทุจริต ยึดประโยชน์ราชการ 16 พ.ค. 2567เสมา 1 มุ่งมั่นขับเคลื่อนนโยบาย รวมพลัง ศธ. จับมือเดินหน้าผลักดัน “ธนาคารหน่วยกิต เพิ่มโอกาสทางการศึกษาสำหรับทุกคน” 16 พ.ค. 2567“สิริพงศ์” แจงวิชาลูกเสือมีความทันสมัย แต่ขาดการสร้างความรับรู้

การพัฒนาผลการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้สื่อประสมเรื่องเศษส่วน

usericon

การพัฒนาผลการเรียนรู้คณิตศาสตร์โดยใช้สื่อประสม เรื่องเศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1
การวิจัยครั้งนี้จึงมีความมุ่งหมายเพื่อ 1.พัฒนาสื่อประสม เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 75/75 2.ศึกษาค่าดัชนีประสิทธิผลของสื่อประสม เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 3. พัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของผู้เรียนคณิตศาสตร์ด้วยสื่อประสม เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ให้นักเรียนร้อยละ 70 มีคะแนนไม่ต่ำกว่าเกณฑ์ร้อยละ 70 4. ศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์สื่อประสม เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม 5.ศึกษาพฤติกรรมการเรียนของผู้เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีต่อการจัดการเรียนรู้คณิตศาสตร์สื่อประสม เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม
        กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1/3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2559 โรงเรียนพิศาลปุณณวิทยา อำเภอเมือง จังหวัดขอนแก่น สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดขอนแก่น ได้มาจากการสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster Random Sampling) จำนวน 1 ห้องเรียนจากทั้งหมด 3 ห้องเรียน โดยใช้ห้องเรียนเป็นหน่วยสุ่ม (Sampling Unit) จำนวน 32 คน ซึ่งมีการจัดผู้เรียนแบบคละความสามารถ เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาค้นคว้ามี 5 ชนิด ได้แก่ แผนการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ จำนวน 13 แผน ใช้เวลาในการสอนแผนละ 1 ชั่วโมง สื่อประสมจำนวน 5 ชนิด แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน ชนิดเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 1 ฉบับ มี 30 ข้อ ซึ่งมีค่าอำนาจจำแนกรายข้อตั้งแต่ 0.22 ถึง 0.86 และค่าความเชื่อมั่นทั้งฉบับเท่ากับ 0.97 แบบสอบถามความพึงพอใจของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการเรียนรู้ด้วยสื่อประสม เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม ชนิดมาตราส่วน ประมาณค่า 5 ระดับ จำนวน 20 ข้อ แบบสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้สื่อประสม เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม ประเมินพฤติกรรมเป็นรายบุคคล จำนวน 5 ข้อ และประเมินพฤติกรรมการทำงานกลุ่ม จำนวน 5 ข้อ สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ ค่า t-test (One – sample)


        ผลการวิจัยปรากฏดังนี้
        1. ประสิทธิภาพสื่อประสม เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีประสิทธิภาพเท่ากับ 79.95 / 78.54    สูงกว่าเกณฑ์ที่กำหนดไว้คือ 75/75
        2. ค่าดัชนีประสิทธิผลของสื่อประสม เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีค่าเท่ากับ 0.6091 ซึ่งหมายความว่า คะแนนของนักเรียนเพิ่มขึ้น คิดเป็นร้อยละ 60.91
3. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนผ่านเกณฑ์ ร้อยละ 70 จำนวน 26 คน คิดเป็นร้อยละ 81.25
        4. ความพึงพอใจนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 มีความพึงพอใจต่อการเรียนด้วยการเรียนแบบร่วมมือโดยใช้สื่อประสม เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม มีคะแนนเฉลี่ย 4.57 อยู่ในระดับมาก
ที่สุด
        5. นักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ที่มีต่อการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ด้วยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้แบบร่วมมือโดยใช้สื่อประสม เรื่อง เศษส่วนและทศนิยม มีคะแนนรวม 34.03 คะแนนเฉลี่ย 2.62 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน 0.08 ในภาพรวมนักเรียนมีพฤติกรรมการเรียนรู้ในระดับ ดี
enootba1 08 พ.ค. 2560 เวลา 15:16 น. 0 970
ร่วมแสดงความคิดเห็น
เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^