อดีตเลขาธิการอาชีวะลุ้นผลตัดสินโทษวินัย
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
"ศศิธารา" ยังลุ้นผลตัดสินโทษวินัยจากกรณีจัดซื้อครุภัณฑ์อาชีวะฉาวในอดีต โวยบอร์ดตั้งธงจะให้ออกถึงกับเตรียมแบบฟอร์มคำสั่งลงโทษแนบมากับวาระการประชุม
เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 21 ม.ค. ที่สำนักพัฒนาสมรรถนะครูและบุคลากรอาชีวศึกษารามอินทรา ได้มีการประชุมคณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา(อ.ก.พ.สกศ.) ทำหน้าที่ อ.ก.พ.กระทรวง โดยมีนายจาตุรนต์ ฉายแสง รักษาการ รมว.ศึกษาธิการ(ศธ.)เป็นประธาน ซึ่งผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมได้มีการพิจารณาวาระลับการดำเนินการตามระเบียบข้าราชการพลเรือนซึ่งเป็นการพิจารณาโทษทางวินัย น.ส.ศศิธารา พิชัยชาญณรงค์ เลขาธิการสภาการศึกษา กรณีทำเอกสารจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์อาชีวศึกษาในโครงการภายใต้แผนฟื้นฟูเศรษฐกิจระยะที่2 (เอสพี 2) ไทยเข้มแข็ง 2555 สูญหายและส่อว่าจะเกิดความไม่โปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างครุภัณฑ์ สมัยที่ดำรงตำแหน่งเลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(กอศ.)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังการประชุมผ่านไปกว่า3ชั่วโมง น.ส.ศศิธารา ได้ออกจากห้องประชุมและมาแถลงข่าว โดยระบุว่าการประชุมครั้งนี้มีความผิดปกติตั้งแต่การทำหนังสือเชิญประชุม และเมื่อถึงเวลาประชุมก็พบว่าองค์ประชุมไม่ครบเพราะตนยังไม่ได้แต่งตั้ง นางรัตนา ศรีเหรัญ รองเลขาธิการสกศ.ให้ทำหน้าที่เป็นกรรมการ อ.ก.พ.สกศ.จึงไม่มีสิทธิ์เข้าประชุมและรองเลขาธิการ สกศ.อีกรายก็ยังไม่ได้มีการสรรหา ที่สำคัญกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านบริหารจัดการด้านกฏหมายและด้านบุคลากร อีก 3 รายก็ไม่ได้มาร่วมประชุม นอกจากนี้วาระการประชุมยังมี 2 ฉบับที่ตนจัดทำขึ้นกับที่นายนภมณฑล สิบหมื่นเปี่ยม ที่อ้างว่าเป็นเลขานุการ อ.ก.พ.สกศ.จัดทำ ทั้งๆที่ไม่ได้ดูแลงานบริหารบุคคลแล้ว เนื่องจากตนได้สั่งย้ายไปรับผิดชอบกลุ่มพัฒนาระบบบริหารราชการหลังมีการปรับโครงสร้างสกศ.จึงถือว่าไม่เกี่ยวข้อง แต่นายจาตุรนต์ก็ยังยืนยันที่จะให้นายนภมณฑลทำหน้าที่เลขานุการการประชุมครั้งนี้ต่อไป ทั้งๆที่ผู้แทนจากคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.)ได้มีการทักท้วงและสอบถามว่ามีความเร่งรีบอะไรที่ต้องประชุม ทั้งๆที่การประชุมมีความเคลือบแคลงเร่งรีบในหลายเรื่องจึงอยากให้ สกศ.กลับไปดำเนินการให้ถูกต้องและนำเสนอกลับมาให้ที่ประชุมพิจารณาใหม่
“ นายจาตุรนต์ยังบอกอีกว่าวันนี้ตั้งใจอย่างเดียวที่จะพิจารณาลงโทษทางวินัยดิฉันอย่างเดียว โดยให้เหตุผลว่าสังคมจับตามองอยู่ ถ้าไม่ลงโทษก็จะมีความผิด ซึ่งดิฉันได้ย้อนถามไปว่าท่านเร่งทำเรื่องนี้เพื่อปกป้องตัวเองโดยไม่สนใจความไม่ถูกต้องชอบธรรมที่จะเกิดขึ้นกับดิฉันใช่หรือไม่” น.ส.ศศิธารา กล่าวและว่า ตนจึงมั่นใจว่าถูกกลั่นแกล้ง 100 % และไม่ว่าผลการตัดสินจะเป็นแบบใดก็ตามผู้ที่อยู่ในที่ประชุมทั้ง 7 คนต้องรับผิดชอบ ซึ่งหากมีคำสั่งให้ตนออกจากราชการก็จะขออุทธรณ์ต่อคณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม(ก.พ.ค.) ของก.พ. รวมทั้งจะฟ้องศาลปกครองและศาลอาญาด้วย ทั้งนี้เชื่อว่าที่ประชุมครั้งนี้มีธงที่จะตัดสินให้ตนออกจากราชการแน่นอนเพราะได้มีการเตรียมสำเนาแบบฟอร์มคำสั่งลงโทษให้ออกจากราชการมาวางแนบอยู่กับระเบียบวาระการประชุมไว้แล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้บรรยากาศของการประชุมเป็นไปด้วยความตึงเครียดและใช้เวลาในการประชุมนานกว่า 5ชั่วโมงแล้ว ซึ่งในส่วนของน.ส.ศศิธารา หลังออกจากห้องประชุมได้มีการล๊อกห้องไม่ให้มีการเข้าออก แต่น.ส.ศศิธาราก็ยังวนเวียนรออยู่ด้านล่างเพื่อรอฟังผลการตัดสิน
ที่มาของข่าว : เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 21 มกราคม 2557