สื่อนอกตีแผ่ระบบการศึกษาไทย เคร่งระเบียบราวทหาร
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
โดยบทความตีแผ่ซึ่งเขียนขึ้นโดยนายโทมัส ฟูลเลอร์ ระบุใจความว่า ในขณะที่ชาวต่างชาติมักจะมองประเทศไทยว่าเป็นประเทศที่โดดเด่นเรื่องชีวิตยามราตรี แต่เมื่อมองมาที่ระบบการศึกษาไทยกลับได้พบกับภาพที่แตกต่าง โรงเรียนไทยแทบทุกแห่ง ปรากฏภาพของนักเรียนที่ถูกบังคับให้ปฏิบัติตามกฎระเบียบอย่างเคร่งครัด ซึ่งมีรากฐานมาจากระบบเผด็จการในอดีต
ณ โรงเรียนแห่งหนึ่งในย่านอุตสาหกรรมบางปู สมุทรปราการ จะเห็นภาพของครูถือไม้เรียว ดุนักเรียนที่ผมยาว มีการตรวจเล็บ สีสันของถุงเท้า และการแต่งกายที่ผิดระเบียบ ซึ่งนายอรุณ วันเพ็ญ รองผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งนี้ ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า "ในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน นักเรียนควรจะมีภาพลักษณ์เดียวกัน"
ทุก ๆ เช้า เราจะได้เห็นบรรดานักเรียนในเครื่องแบบมายืนเข้าแถวหน้าเสาธง ร้องเพลงชาติ สวดมนต์ และท่องคำปฏิญาณตนว่าจะสละชีพเพื่อชาติ จงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์
อย่างไรก็ดี ท่ามกลางระบบการศึกษาไทยที่เคร่งครัด ก็มีนักเรียนบางคนลุกขึ้นมาต่อต้าน ซึ่งบางรายก็ต่อต้านได้สำเร็จ โดยได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลฝ่ายที่ต้องการจะกำจัดระบบเผด็จการทหารออกไปจากระบบการศึกษาไทย ซึ่งหนึ่งในนักเรียนที่ลุกขึ้นมาต่อต้านระบบเผด็จการในโรงเรียนนั้น คือ แฟรงค์ เนติวิทย์ โชติพัฒน์ไพศาล ที่ได้สร้างกลุ่มรณรงค์บนเฟซบุ๊ก เพื่อเรียกร้องให้มีการล้มเลิกระบบเผด็จการในโรงเรียน และเขาได้เปิดเผยว่า โรงเรียนเป็นเหมือนโรงงานผลิตมนุษย์ที่มีลักษณะเดียวกัน และครูก็แสดงบทบาทเป็นผู้เผด็จการ ที่บังคับให้นักเรียนทำความเคารพ และห้ามโต้แย้งอะไรกับครู
ไม่นานนัก เสียงเรียกร้องของกลุ่มรณรงค์ต่อต้านระบบเผด็จการในการศึกษาไทยก็่ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้จริง และส่วนหนึ่งเป็นเพราะนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเคยศึกษาในสหรัฐอเมริกา เห็นด้วยกับการกำจัดระบบเผด็จการในโรงเรียนไทย เขาจึงประกาศให้โรงเรียนรัฐบาลทุกแห่งอนุญาตให้นักเรียนไว้ผมยาวได้ ด้วยเหตุผลที่ว่า รัฐบาลต้องการให้นักเรียนไทยเป็นคนที่คิดอย่างมีเหตุผล ดังนั้น จึงไม่ควรจะไปบังคับให้พวกเขาทำในสิ่งที่ไม่มีเหตุผล พร้อมกับเสนอให้มีการเน้นเปิดโอกาสให้นักเรียนคิดวิเคราะห์ แทนการท่องจำ รวมไปถึงลดการบ้าน ลดเวลาเรียนลง แต่ให้ความสำคัญในเรื่องภาษา คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์
นอกจากนี้ นายพงศ์เทพ ยังสนับสนุนให้นักเรียนได้ออกความเห็น ด้วยเหตุผลที่ว่า หากนักเรียนไม่สามารถออกความคิดเห็นในชั้นเรียนได้ พวกเขาจะฝึกการแสดงความคิดเห็นอย่างเสรีในสังคมได้อย่างไร
เช่นเดียวกับนายสมพงษ์ จิตระดับ คณะกรรมการปฏิรูปหลักสูตรและตำราแห่งชาติ ได้เปิดเผยว่า "ผมเคยพูดมานานแล้วว่ายิ่งคุณเรียนหนักเท่าไร คุณก็ยิ่งโง่มากเท่านั้น เพราะระบบการศึกษาไทยเน้นให้ท่องจำ ไม่มีการคิดวิเคราะห์ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันเลย"
อย่างไรก็ดี ด้านนายอรุณ วันเพ็ญ ยังคงไม่เห็นด้วยกับการผ่อนปรนกฎระเบียบของนักเรียนเช่นนี้ เขามีความเห็นว่า การคงไว้ซึ่งระเบียบนั้นเป็นเรื่องสำคัญในการต่อสู่กับสภาพสังคมที่เลวร้ายที่กำลังคุกคามนักเรียน ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด การตั้งครรภ์ในวัยเรียน การทะเลาะวิวาท ดังนั้น เขายืนยันว่า แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศผ่อนปรนกับนักเรียนอย่างไร แต่เขาซึ่งเป็นผู้ดำเนินการ จะพิจารณากฎใหม่เหล่านั้นอีกครั้ง แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะนำมาผ่อนปรนกับนักเรียนหรือไม่
นอกจากนี้ เขายังกล่าวอีกว่า "ทหารจำเป็นต้องใช้ปืน ครูจำเป็นต้องใช้ไม้เรียว บางครั้งเราก็ต้องตีนักเรียนบ้างเล็กน้อย แต่ก็ตีแค่ที่บั้นท้ายเท่านั้น"
ฟังความเห็นทางฝั่งผู้ใหญ่แล้ว มาฟังความเห็นของนักเรียนกันบ้าง ด้าน จิรภัทร หอแสงไชย นักเรียนวัย 16 ปี จากกลุ่มพันธมิตรปฏิวัติการศึกษาไทย ได้เปิดเผยว่า นักเรียนไทยไม่ได้ศึกษาหาความรู้ด้วยตัวเอง พวกเขารอให้ครูป้อนข้อมูลให้ตลอด เช่นเดียวกับณัชชา พิบูลวัฒนา นักเรียนวัย 16 ปี ได้เปิดเผยว่า นักเรียนหญิงคิดอยู่ในกรอบ เก่งเฉพาะในตำรา พวกเธอเรียนดีมาก แต่อยากให้พวกเธอได้เห็นบ้างว่าโลกภายนอกโรงเรียนนั้นเป็นอย่างไร
ขอบคุณข้อมูลจาก --> เว็บไซต์กะปุกดอทคอม วันที่ 30 พฤษภาคม 2556