LASTEST NEWS

17 มี.ค. 2567ราชกิจจานุเบกษา ประกาศข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567 17 มี.ค. 2567โรงเรียนสตรีนครสวรรค์ รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาเอกภาษาไทย เงินเดือน 12,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 22 - 26 เมษายน พ.ศ. 2567 17 มี.ค. 2567ด่วน! กรุงเทพมหานคร เปิดสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ 15 วิชาเอก 730 อัตรา รับสมัคร รอบที่ 1 ตั้งแต่ 20-26 มี.ค.2567 และรอบที่ 2 ตั้งแต่ 31 พ.ค.-14 มิ.ย.2567 16 มี.ค. 2567โรงเรียนหนองแค“สรกิจพิทยา” รับสมัครครูอัตราจ้าง 2 อัตรา เงินเดือน 12,000.- บาท ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม - 24 มีนาคม 2567 16 มี.ค. 2567โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์(วัดน้อยใน)ในพระราชูปถัมภ์ฯ รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาสังคมศึกษา เงินเดือน 15,000.- บาท ตั้งแต่บัดนี้-22 มีนาคม 2567 16 มี.ค. 2567โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 2 รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา เงินเดือน 15,000.- บาท ตั้งแต่ 18-22 มี.ค.2567 16 มี.ค. 2567สพฐ. สั่งเด้งด่วน! ผอ.หวงเก้าอี้ ฮึ่มเร่งสอบข้อเท็จจริง ภายใน 7 วัน 16 มี.ค. 2567สพฐ. สั่ง ผอ.เขต รายงานด่วน ”ผอ.โรงเรียนหวงเก้าอี้“ พร้อมกำชับให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย 16 มี.ค. 2567โรงเรียนบางปะอิน "ราชานุเคราะห์ 1" รับสมัครครูอัตราจ้าง 2 อัตรา เงินเดือน 15,000.-บาท ตั้งแต่วันที่ 11 – 20 มีนาคม 2567 เว้นวันหยุดราชการ  16 มี.ค. 2567ครูจบใหม่เฮ! ขึ้นเงินเดือนครู ครูผู้ช่วยรับ 18,000 บาท เช็กฐานเงินเดือนครู

กศน.ชูโปรเจกต์ยักษ์ ปี 2556 เสริมศักยภาพคนไทยสู่อาเซียน

  • 03 ม.ค. 2556 เวลา 22:14 น.
  • 3,502
กศน.ชูโปรเจกต์ยักษ์ ปี 2556 เสริมศักยภาพคนไทยสู่อาเซียน

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

รายงานพิเศษ / กศน.ชูโปรเจกต์ยักษ์ ปี 2556 เสริมศักยภาพคนไทยสู่อาเซียน
 
เริ่มต้นศักราชใหม่ขอประเดิมด้วยเรื่องใหญ่ๆ ของชาวการศึกษา ที่ไม่ใช่แบบงูๆ ปลาๆ เพราะเรื่องพัฒนาคนให้มีปัญญานั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ โดยเฉพาะเรื่องการเปิดประชาคมอาเซียน หากนับนิ้วแล้วก็เหลือเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น...คุณพร้อมหรือยังจะก้าวสู่อาเซียน  
 
* มณีรัตน์ ศิริปัญจนะ
 
กศน.ชูโปรเจกต์ยักษ์ ปี 2556 เสริมศักยภาพคนไทยสู่อาเซียน
 
@ เช็คอินสู่ปี 2556 ปีมะเส็ง (งูเล็ก) 
     เริ่มต้นศักราชใหม่ขอประเดิมด้วยเรื่องใหญ่ๆ ของชาวการศึกษา ที่ไม่ใช่แบบงูๆ ปลาๆ เพราะเรื่องพัฒนาคนให้มีปัญญานั้นไม่ใช่เรื่องเล่นๆ โดยเฉพาะเรื่องการเปิดประชาคมอาเซียน หากนับนิ้วแล้วก็เหลือเวลาเพียง 2 ปีเท่านั้น...คุณพร้อมหรือยังจะก้าวสู่อาเซียน  
     พร้อมหรือไม่ ทุกคนล้วนมีคำตอบในใจ แต่หากรู้อยู่แก่ใจแล้วยังมัวนั่งนิ่งดูดาย ไม่ขวนขวายเตรียมความพร้อมให้ตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นฟันธงได้เลยว่า คงจะก้าวไม่ทัน และแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ในกลุ่มสมาชิกอาเซียนที่มีความพร้อมกว่าไม่ได้
     สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) ภายใต้สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ซึ่งมีเป้าหมายที่จะต้องดูแลประชากรกว่า 40 ล้านคน เป็นอีกหนึ่งหน่วยงานสำคัญที่จะเป็นเสาหลักในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ของรัฐบาล และนำพาการศึกษาให้เข้าถึงประชาชนในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อให้วันที่ประตูประชาคมอาเซียนเปิดต้อนรับสมาชิก 11 ประเทศ คนไทยทุกคนจะได้มีระดับการศึกษา และความสามารถในด้านอาชีพไม่น้อยหน้าไปกว่าประเทศอื่นใด ...โดยในปี 2556 กศน.เตรียมเดินเครื่องโปรเจ็กต์ใหญ่ เพื่อพัฒนาคนไทย โดยเฉพาะผู้ที่อยู่นอกระบบการศึกษาให้มีความรู้ ความสามารถเทียบชั้นอินเตอร์ ตามนโยบายของนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศึกษาธิการ และนายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมช.ศึกษาธิการ เริ่มกันที่...
 
@ ผุดโครงการจบ ม.6 ใน 8 เดือน
     โปรเจกต์สุดฮอต ที่เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา ถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ได้แถลงต่อสภาผู้แทนราษฎรว่าจะยกระดับการศึกษาของประชาชนให้จบชั้น ม.6 ภายใน 8 เดือนอย่างมีคุณภาพ เพราะที่ผ่านมาค่าเฉลี่ยระดับการศึกษาของไทยอยู่ที่ 8.2 ปี หรือเทียบเป็นระดับ ม.2 เท่านั้น จึงเป็นสิ่งที่รัฐบาลตั้งเป้าว่าจะต้องยกระดับการศึกษาของไทยให้เป็น 12 ปี หรือ ม.6 ให้ได้

 
 นายประเสริฐ บุญเรือง เลขาธิการ กศน. กล่าวว่า ผู้เข้าร่วมโครงการนี้จะต้องเป็นผู้มีสัญชาติไทย มีอายุไม่ต่ำกว่า 20 ปี มีพื้นความรู้ไม่ต่ำกว่าการศึกษาระดับประถมศึกษา และต้องมีประสบการณ์ในการประกอบอาชีพเป็นหลักแหล่งไม่น้อยกว่า 3 ซึ่งหากใครมีคุณสมบัติครบตามนี้ และมีความพร้อมที่จะเข้ารับการประเมินสมรรถภาพ ก็สามารถสมัครเข้าร่วมโครงการได้ทันทีที่ กศน.ทุกแห่งทั่วประเทศ โดยรัฐจะออกค่าใช้จ่ายให้คนละ 3,000 บาท ส่วนผู้สมัครต้องออกค่าใช้จ่ายคนละ 1,500 บาท
 
@ สอบผ่าน 9 วิชารับวุฒิ ม.6 ทันที
     ...เนื้อหาในการประเมิน ประกอบด้วย 9 วิชา ซึ่งกำหนดอยู่ใน พ.ร.บ.การศึกษาแห่งชาติ ได้แก่ การใช้คอมพิวเตอร์ คณิตศาสตร์ในชีวิตประจำวัน การบริหารธุรกิจ SME ระบอบประชาธิปไตย การบริหารจัดการชุมชน การสนทนาภาษาอังกฤษ/จีน ภาษาไทยเพื่อการสื่อสาร การวิจัยชุมชน และการจัดการอาหารเพื่อครอบครัว และชุมชน โดยแต่ละวิชาแบ่งการประเมินเป็น ทฤษฎี 70% และประสบการณ์ 30% ซึ่งแต่ละวิชาต้องได้คะแนน 2 ส่วนรวมกันไม่ต่ำกว่า 60% ถึงจะถือว่าผ่าน
     "ทั้ง 9 วิชานี้อาจจะไม่ลงลึกเหมือนการศึกษาในระบบ ซึ่งถือว่าเป็นวิชาชีวิตที่ทำให้ผู้เรียนสามารถนำไปใช้ประกอบอาชีพ และดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข โดยผู้เรียนไม่จำเป็นต้องเข้าเรียน หรือพบกลุ่ม แต่ทุกคนสามารถหาความรู้ได้ด้วยตนเอง ซึ่งเมื่อผู้เรียนมีความพร้อมก็สามารถมาเทียบระดับการสอบได้ทันที โดยการประเมินคาดว่าจะจัดอย่างน้อยปีละ 4 ครั้ง ทั้งนี้การประเมินจะต้องผ่านทั้ง 9 วิชาถึงจะได้รับวุฒิการศึกษา ม.6 ที่ถูกต้องตามกฎหมาย หากไม่ผ่านวิชาใดก็จะต้องประเมินให้ผ่านภายใน 5 ปี ไม่เช่นนั้นผลการประเมินในวิชาอื่นๆ จะถูกยกเลิก และต้องเริ่มประเมินใหม่ทั้งหมด"


 
@ การันตีจบแบบมีคุณภาพ
     เลขาธิการ กศน. กล่าวด้วยว่า การประเมินในส่วนของทฤษฎี 70% แบ่งเป็น การสอบโดยสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) 20% และสอบโดย กศน. 50% ซึ่งในส่วนนี้สามารถการันตีคุณภาพของผู้ที่เข้าร่วมโครงการจบ ม.6 ใน 8 เดือนได้อย่างดี เพราะ กศน.ไม่ได้ออกข้อสอบ และเป็นผู้วัดผลเองหน่วยงานเดียว แต่เป็นการสอบจากหน่วยงานกลางระดับชาติที่มีความน่าเชื่อถือด้วย จึงมั่นใจในคุณภาพได้ 
     ข้อสอบที่ กศน.เป็นผู้รับผิดชอบนั้น ได้จ้างให้มหาวิทยาลัยเป็นผู้ออกข้อสอบแล้วอย่างน้อย 30 ชุด ดังนั้นข้อสอบจะไม่ได้มีแต่ชุดเดิมๆ และผู้เรียนจะไม่สามารถจำข้อสอบได้ เพราะจะมีการรันสุ่มข้อสอบ ส่วนการสอบของ สทศ.นั้น ทราบว่าขณะนี้ได้คณะทำงานเพื่อกำหนดรายละเอียดในเรื่องนี้แล้ว อาทิ การออกข้อสอบ และการกำหนดปฏิทินการสอบ ทั้งนี้ ผู้เรียนจะต้องผ่านการสอบจาก สทศ. หากใครไม่มีคะแนนจาก สทศ.ก็จะไม่สามารถจบตามโครงการนี้ได้    
     "ผมยืนยันได้ว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดี เป็นประโยชน์ต่อประชาชน และประเทศชาติ ซึ่งโครงการนี้ กศน. ได้ดำเนินการมาอย่างรอบคอบ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้ที่จบจากโครงการนี้จะเป็นคนที่มีคุณภาพ แต่ผมก็ไม่ได้หวังว่าทุกคนที่มาสมัครจะต้องจบ และได้วุฒิ ม.6 ทั้งหมด แค่จบครึ่งหนึ่งก็เก่งแล้ว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มอบให้เจ้าหน้าที่ กศน.ตำบลทุกแห่งลงพื้นที่ไปประชาสัมพันธ์โครงการดังกล่าวให้ทั่วถึงในทุกหมู่บ้านแล้ว ซึ่งตั้งเป้าว่าปีนี้จะต้องมีผู้สมัครไม่ต่ำกว่า 150,000 คน" 
 
@ หลักสูตร กศน.อินเตอร์
     อีกโปรเจกต์ที่ กศน. เตรียมการเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นหลังจากไทยก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งได้จัดโครงการห้องเรียน English Program หรือ กศน.อินเตอร์ เพื่อเป็นทางเลือกให้แก่ผู้ที่มีความพร้อม โดยเฉพาะผู้ที่ตั้งใจจะไปทำงานในต่างแดน ได้เข้ามาเรียนรู้ในหลักสูตรภาษาอังกฤษ ทั้งนี้การเรียนการสอนจะใช้หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานของ กศน. แต่การเรียนการสอนจะเป็นภาษาอังกฤษทุกวิชา ยกเว้นวิชาภาษาไทย โดยผู้สนใจสามารถสมัครได้ที่ กศน.จังหวัดทุกแห่งทั่วประเทศ
     "ในเบื้องต้นได้เปิดการเรียนการสอนจังหวัดละ 1 ห้องเรียนๆ ละ 30 คน โดยสามารถเปิดสอนได้ทั้งระดับประถมศึกษา มัธยมศึกษาตอนต้น และมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งนักศึกษาจะได้เรียนกับครูต่างชาติเจ้าของภาษาโดยตรง แต่จะมีครูคนไทยเป็นพี่เลี้ยงห้องเรียนละ 1 คน ซึ่งการเรียนในลักษณะนี้จะเป็นการเรียนแบบชั้นเรียน ไม่ใช่พบกลุ่ม หรือแบบเทียบระดับเหมือนกับการศึกษาในโครงการจบ ม.6 ใน 8 เดือน เพราะทุกคนจะต้องมาเรียนสัปดาห์ละไม่น้อยกว่า 4 วัน" นายประเสริฐ กล่าว
 
@ เน้นสื่อสารปฏิบัติจริง
     การเรียนการสอนหลักสูตร กศน.อินเตอร์ จะเน้นสอนแบบโครงงาน และสอนแบบบูรณาการ มุ่งเน้นสื่อสารปฏิบัติจริง หาความรู้ด้วยตนเอง และสรุปเป็นองค์รวมความรู้ได้ โดยจะมีการจัดกิจกรรมเสริมให้ผู้เรียนด้วย เช่น การจัดค่ายภาษาอังกฤษ การทัศนศึกษาแหล่งเรียนรู้ทั้งในระบบ และนอกระบบโรงเรียน โดยการเรียนจะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะเป็นระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งรัฐบาลประกาศชัดว่าการศึกษาในระดับนี้ต้องเรียนฟรีอย่างมีคุณภาพ
     "กศน.มีงบฯ สนับสนุนในการจัดหลักสูตรให้ห้องเรียนละ 180,000 บาท เพื่อนำมาใช้เป็นค่าครูผู้สอน ค่าวัสดุอุปกรณ์ และสื่อการเรียนการสอน ส่วนบุคลากรที่จะมาสอนนั้น ขณะนี้ได้อบรมครูชาวต่างชาติทั้ง 77 คนแล้ว เพื่อให้ได้เรียนรู้ถึงวัฒนธรรมประเพณีของคนไทย และการทำงานของ กศน. อย่างไรก็ตามคงต้องดูผลการดำเนินการในปีนี้ก่อนว่า นักศึกษาที่เรียนในหลักสูตรนี้จะมีคุณภาพ และมีผู้สนใจเรียนหลักสูตรนี้มากน้อยแค่ไหน หากได้ผลดีก็จะขยายห้องเรียนเพิ่มอย่างแน่นอน"  

 
@ สอนอาชีพแบบมีงานทำ
     เป็นโปรเจกต์ที่มีการต่อยอดจากหลักสูตรเดิม โดยแต่ก่อนนั้น กศน. จะเปิดสอนในหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้น แต่เพื่อเป็นการสร้างอาชีพให้กับเกิดขึ้นผู้เรียนอย่างแท้จริง จึงได้จัดตั้งศูนย์ฝึกอาชีพชุมชนขึ้นทุกอำเภอ โดยจะเน้นย้ำให้สอนอาชีพแบบมีงานทำอย่างแท้จริง และได้เรียนรู้ตลอดจนเสริมประสบการณ์จากผู้ประกอบการโดยตรง เพื่อให้ประชาชนสามารถสร้างรายได้ และมีอาชีพที่มั่นคง
     นายประเสริฐ กล่าวว่า ศูนย์ฝึกอาชีพฯ จะเปิดสอนอาชีพต่างๆ เช่น ใครอยากเรียนทำก๋วยเตี๋ยว กศน.ก็จะจ้างเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวอร่อยขึ้นชื่อมาเป็นวิทยากร ซึ่งหลังจากเรียนจบหลักสูตรจะมีเงินอุดหนุนคนละ 5,000 บาท เพื่อนำไปซื้อรถเข็น หรือเครื่องมือประกอบอาชีพ แต่หากเงินทุนไม่พอก็สามารถขอกู้เงินจากกองทุนตั้งตัวได้ของรัฐบาลเพิ่มเติมได้อีก
     "ขณะนี้ได้มีการแก้ไขระเบียบการใช้งบประมาณ โดยเฉพาะค่าวัสดุฝึก ค่าอุดหนุนรายหัว และค่าวิทยากรแล้ว โดยค่าวิทยากรเดิมได้ 600 บาทก็ปรับเป็น 1,200 บาท ส่วนค่าวัสดุฝึกจากเดิมได้คนละ 300 บาท ปรับเพิ่มเป็น 2,000 บาท ซึ่งการแก้ไขครั้งนี้จะช่วยทำให้การเรียนในหลักสูตรวิชาชีพระยะสั้นมีประสิทธิภาพ และเมื่อเรียนจบแล้วสามารถไปประกอบอาชีพได้ทันที เพราะที่ผ่านมาวัสดุฝึกมันมีน้อยมาก ส่วนการจ้างวิทยากรก็ต้องจ้างลูกจ้างในราคาถูก จึงทำให้ผู้เรียนไม่ได้ฝึกปฏิบัติจริงมากเท่าใดนัก" 
 
@ หลักสูตรOTOP มินิเอ็มบีเอ
     ที่ศูนย์ฝึกอาชีพฯ แห่งนี้ ยังเป็นสถานที่ในการเรียนการสอนหลักสูตร OTOP มินิเอ็มบีเอ ด้วยตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี ซึ่งหลักสูตรนี้เปิดสำหรับผู้ที่ทำผลิตภัณฑ์ OTOP อยู่แล้วให้เข้ามาเรียนรู้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ และการบริการให้มีคุณภาพยิ่งขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม และส่งออกต่างประเทศได้ ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบแพคเกจ การส่งออกสินค้า การตลาดและช่องทางการจำหน่าย การเรียนภาษาอังกฤษธุรกิจ
     "หลักสูตรนี้จะเปิดการเรียนการสอนในปี 2556 โดยเวลาเรียนแต่ละอาชีพจะไม่เท่ากัน ซึ่งผู้เรียนในหลักสูตรนี้จะไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น เพราะ กศน.ได้สนับสนุนงบฯ ประมาณ 200 ล้านบาทต่อปี อย่างไรก็ตามในฐานะที่ศูนย์ฝึกอาชีพฯ แห่งนี้มีหน่วยงานองค์กรหลักเข้าร่วมเป็นคณะกรรมการในการกำหนดยุทธศาสตร์ ดังนั้นหากสถานศึกษาหรือหน่วยงานใดต้องการให้เข้าไปสร้างอาชีพที่โรงเรียน หรือสถานประกอบการ กศน.ก็ยินดีที่จะฝึกอาชีพให้"
 
@ กระตุ้นคนไทยรักการอ่าน
     การที่คนไทยจะมีความรู้มากขึ้น การอ่านก็เป็นเรื่องสำคัญ แต่ทว่าจากสถิติของหลายหน่วยงานต้องเห็นพ้องต้องกันว่าคนไทยยังอ่านหนังสือน้อยมาก ดังนั้น กศน.จึงจัดโปรเจ็กต์ยักษ์ "บ้านหนังสืออัจฉริยะ" ขึ้น เพื่อรณรงค์ และกระตุ้นให้พี่น้องประชาชนในประเทศได้รักการอ่านมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นการเตรียมความพร้อมเข้าสู่ประชาคมอาเซียน และขจัดความไม่รู้หนังสือลงด้วย โดยลักษณะของบ้านหนังสืออัจฉริยะนั้นจะเป็นห้องสมุดประจำหมู่บ้าน โดยจะมีบริการหนังสือทุกชนิดที่เป็นประโยชน์
     "ถือเป็นโครงการที่ดีที่จะช่วยให้ทุกคนรักการอ่าน รู้จักค้นคว้า และเข้าถึงแหล่งเรียนรู้ในรูปแบบบ้านหนังสืออัจฉริยะที่อยู่ในแหล่งชุมชนจริงๆ โดยในปี 56 ได้นำร่องโครงการใน 40,000 หมู่บ้าน และจะขยายให้ครบ 80,000 หมู่บ้านในปีต่อไป โดยใช้งบฯ ในการดำเนินโครงการประมาณ 450 ล้านบาท เพื่อจัดซื้อหนังสือ และสิ่งพิมพ์ที่มีคุณภาพเข้าไปไว้ในบ้านหนังสือ"


 
@ วิทยาศาสตร์สัญจร 
     ปิดท้ายกันที่โครงการ กศน.สัญจรวิทยาศาสตร์เพื่ออาชีพ ซึ่งเดิมนั้น กศน.มีศูนย์วิทยาศาสตร์ 15 แห่ง และศูนย์ฝึกอีก 9 แห่ง โดยที่ผ่านมาจะตั้งรับอยู่ในที่ตั้ง รอคอยให้ประชาชนมาศึกษาหาความรู้ ทำให้ไม่ค่อยมีคนสนใจเข้ามาเรียนรู้เท่าที่ควร ดังนั้นในปี 56 จึงมีแนวคิดที่จะออกสัญจรทุกจังหวัดทั่วประเทศ เพื่อแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ พร้อมทั้งสอนอาชีพ ซึ่งเหล่านี้ถือเป็นการมอบการศึกษาตลอดชีวิตให้ประชาชนอย่างแท้จริง
     "ในปี 56 ตั้งเป้าว่าจะสัญจรไปจังหวัดละ 3 วัน ซึ่งนักเรียน นักศึกษา ครู และประชาชน จะได้รับความรู้เกี่ยวกับวิทยาศาสตร์ถึงที่ นอกจากนี้จะนำรถโมบาย ที่แสดงเกี่ยวกับท้องฟ้าจำลองมาจัดแสดงด้วย ที่สำคัญหากใครต้องการเรียนอาชีพ ก็รับสมัครสอนในช่วงเวลา 3 วันนั้นเลย ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้จะทำให้ กศน.เข้าถึงประชาชนมากขึ้น ให้สมกับสโลแกนที่ว่า "กศน.เพื่อประชาชน"
     ...คงต้องตามลุ้นกันต่อไป และเป็นกำลังใจให้กับการดำเนินโครงการดีๆ ที่ กศน.จะเดินเครื่องเต็มสูบ เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษาของประชากรไทยทุกเพศ ทุกวัยในทุกพื้นที่ให้สูงขึ้น นี่แหล่ะถึงจะสมชื่อ "การศึกษาตลอดชีวิต"
 
 
  • 03 ม.ค. 2556 เวลา 22:14 น.
  • 3,502

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

ความคิดเห็นเกี่ยวกับ : กศน.ชูโปรเจกต์ยักษ์ ปี 2556 เสริมศักยภาพคนไทยสู่อาเซียน

เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^