ชี้ยุบสมศ.ทำการศึกษาชาติถอยหลัง
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
อดีต รมช.ศธ. ยันต้องมีระบบประเมินฯ ชี้ยุบ สมศ.ยิ่งทำให้การศึกษาไทยถอยหลัง ด้านอดีต สปศ. แนะ สมศ.วิเคราะห์ตัวบ่งชี้ หลังพบสถานศึกษาผ่านเพียบ แต่คุณภาพลดลง ขณะที่ “ชาญณรงค์” เตรียมเข้าชี้แจง คสช. 4 ส.ค.นี้
วันนี้ (29 ก.ค.)ที่โรงแรมเดอะสุโกศล ดร.รุ่งแก้วแดง อดีต รมช.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนาเรื่องการประกันคุณภาพการศึกษา : หัวใจของการปฏิรูปการศึกษาไทย ว่า ตนทำงานด้านการศึกษามากว่า 20 ปี แต่ปัญหาการศึกษาก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งทุกระดับการศึกษายังตกต่ำเหมือนเดิม และขณะนี้จะยิ่งแย่กว่าเดิมโดยเฉพาะระดับอุดมศึกษาที่มีการขายปริญญาไม่มีคุณภาพจำนวนมาก ซึ่งในพื้นที่ 3จังหวัดชายแดนภาคใต้ มีการขายปริญญามากกว่าเนื้อแพะ อีกทั้งปริญญาก็ราคาถูกโดยระดับด็อกเตอร์ มีราคา 1 แสนบาทเท่านั้น ถือเป็นวิกฤติการศึกษาที่ใหญ่มาก ดังนั้นจึงคิดว่าระบบการประเมินคุณภาพการศึกษาต้องมีต่อไปเพราะการประเมินเป็นส่วนหนึ่งของการบริหารการศึกษาที่ทุกองค์กรต้องมี แต่วิธีการประเมินต้องไม่ง่ายไม่เป็นภาระ และผู้ประเมินต้องมีคุณภาพด้วย
“การยุบสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา(สมศ.) จะยิ่งทำให้การศึกษาถอยหลัง และประสบปัญหาคุณภาพการศึกษามากขึ้น ซึ่งผมอยากให้มองเรื่องการต่อต้านการประเมินเป็นเรื่องปกติ เพราะในยุคแรกที่มีการตั้ง สมศ.ก็มีเสียงต่อต้านมาก ดังนั้นการต่อต้านจึงเป็นสิ่งดีที่จะช่วยบอกว่าระบบการประเมินขณะนี้กำลังมีปัญหาเพื่อจะได้หาทางแก้ไขและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น โดย สมศ.ควรเชิญทั้งฝ่ายที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับการประเมินมาหารือว่ายังมีจุดบกพร่องในส่วนใด เพื่อให้ระบบการประเมินมีความเข้มแข็งมากขึ้นและลบจุดอ่อนที่ยังเป็นปัญหาอยู่“ ดร.รุ่ง กล่าว
ด้าน ดร.สุวัฒน์ เงินฉ่ำ อดีตคณะกรรมการปฎิรูปการศึกษา(สปศ.) กล่าวว่า การประเมินของ สมศ.ในรอบที่ผ่านๆ มา พบว่า มีสถานศึกษาจำนวนมากที่ผ่านการประเมินแต่คุณภาพการศึกษากลับลดลง ดังนั้น สมศ.ต้องศึกษาวิเคราะห์ และวิจัยตัวบ่งชี้ เกณฑ์รวมถึงเครื่องมือต่างๆ ที่สมศ.นำไปประเมินฯ ว่าช่วยพัฒนาคุณภาพการศึกษาจริงหรือไม่นอกจากนี้ควรปรับคุณภาพผู้ประเมิน เพราะไม่แน่ใจว่าผู้ประเมิน หรือผู้กำหนดเกณฑ์การประเมินฯเข้าใจเกณฑ์จริงๆ หรือไม่ เพราะจะทำให้ผลการประเมินไม่สะท้อนความจริงและไม่ได้แก้ปัญหาคุณภาพของสถานศึกษาที่ตรงจุด
ศ.ดร.ชาญณรงค์ พรรุ่งโรจน์ ผู้อำนวยการ สมศ.กล่าวว่า ปัจจุบันมหาวิทยาลัยมีอิสรเสรีภาพในการบริหารจัดการมากขึ้น จึงจำเป็นต้องมีหน่วยงานที่ทำหน้าที่ตรวจสอบคุณภาพและขณะนี้กำลังจะเข้าสู่ประชาคมอาเซียน ยิ่งจำเป็นต้องมีหน่วยงานรับรองคุณภาพเพื่อเทียบเคียงมาตรฐานให้เท่ากับนานาประเทศ ทั้งนี้ในวันที่ 4 ส.ค.นี้ ตนจะเข้าพบคสช. เพื่อชี้แจงบทบาทหน้าที่การทำงานของ สมศ. รวมถึงตัวบ่งชี้และเกณฑ์การประเมินคุณภาพภายนอกรอบสี่ด้วย
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 29 กรกฎาคม 2557