LASTEST NEWS

10 ก.พ. 2568ด่วนที่สุด! กรมส่งเสริมการเรียนรู้ กระทรวงศึกษาธิการ สำรวจกลุ่มวิชา / สาขาวิชาเอก เปิดสอบครูผู้ช่วย ปี พ.ศ. 2568 10 ก.พ. 2568สพฐ. เดินหน้าหลักสูตรใหม่! เริ่มใช้หลักสูตรปฐมวัย-ประถมต้น 2568 นำร่องโรงเรียนสมัครใจ 16 พ.ค. 68 นี้ 10 ก.พ. 2568“ธนุ” เผย เตรียมเสนอครม.อนุมัติงบเฉพาะขั้นพื้นฐาน แก้ปัญหารร.เล็กภายในก.พ.นี้ 10 ก.พ. 2568เปิดแนวทางใหม่! หลักเกณฑ์ย้ายพนักงานราชการทั่วไป ที่ต้องรู้ !!! 10 ก.พ. 2568ข่าวดี! ก.พ. ออกแนวทางใหม่ ให้พนักงานราชการประเภททั่วไปย้ายได้แล้ว เช็กแนวปฏิบัติและหลักเกณฑ์การย้ายได้ที่นี่ 09 ก.พ. 2568ลูกจ้าง ท้องถิ่น เฮ!! อนุโครงสร้าง ก.ท.เตรียมพิจารณากำหนดหลักเกณฑ์ การคัดเลือกพนักงานจ้าง เป็นข้าราชการในอปท. เป็นกรณีพิเศษโดย ไม่ต้องสอบแข่งขัน 08 ก.พ. 2568สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข เปิดสอบบรรจุเข้ารับราชการ 11 ตำแหน่ง 145 อัตรา สมัครทางอินเทอร์เน็ต ตั้งแต่บัดนี้ - 28 กุมภาพันธ์ 2568 08 ก.พ. 2568กรมส่งเสริมสหกรณ์ เปิดรับสมัครพนักงานราชการ ตำแหน่งนักวิชาการสหกรณ์ ตั้งแต่วันที่ 10 - 17 กุมภาพันธ์ 2568 08 ก.พ. 2568กรมอนามัย เปิดรับสมัครพนักงานราชการ ตำแหน่งนักรังสีการแพทย์  ตั้งแต่บัดนี้ - 14 กุมภาพันธ์ 2568   07 ก.พ. 2568ศูนย์การศึกษาพิเศษมหาจักรีสิรินธร รับสมัครพนักงานราชการ ตำแหน่งครูผู้สอน เงินเดือน 18,000.- บาท ตั้งแต่บัดนี้ - 10 กุมภาพันธ์ 2568

การศึกษา "โง่เข้าไว้ง่ายปกครอง"

  • 11 พ.ค. 2556 เวลา 14:04 น.
  • 4,478
การศึกษา "โง่เข้าไว้ง่ายปกครอง"

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

 นี่...ถ้าจะพัฒนาประเทศกันจริงๆ นะ ไม่ใช่ไปยุบโรงเรียนขนาดเล็กตามบ้านนอก-บ้านนา-ป่าดง อันเป็นช่องทางแคบๆ "ช่องทางเดียว" ในโลกกว้าง สำหรับเพาะเมล็ดพันธุ์ใหม่ที่ไกลแสงให้เติบกล้า เป็นร่มสัก-ร่มไทรของชาติในอนาคต
 
     ถ้าคิดจะยุบในกรอบความคิด "ปฏิรูปการศึกษา" จริงๆ ละก็ "ยุบกระทรวงศึกษาฯ" พร้อมทั้ง "พักงาน" ข้าราชการระดับบริหารในกระทรวงทั้งหมดไว้ก่อน...นั่นแหละ
 
    จะเห็น "อนาคตประเทศไทย" ที่ใสสว่าง!
 
    ไม่ใช่ว่า "นักการศึกษา" ระดับบริหารในกระทรวงใช้ไม่ได้ แต่ผมหมายถึง ทุกคนในยูนิตการศึกษาชาติ เป็นกระดุมเรียงเม็ดที่ "ติดผิด" ต่อๆ กันมา ตั้งแต่เม็ดแรกแล้ว!
 
    ที่ว่าพักงานนั้น คือให้แต่ละคนหลุดจากหล่ม "กะลาครอบ" เรื่องผังการศึกษาและทัศนคติข้าราชการ เรียกความเป็นนักการศึกษาที่แต่ละคนร่ำเรียนมาสูงๆ มารวมศูนย์ แล้วตั้งสติอุทิศ
 
    กลั่นความเป็น "นักการศึกษา" ที่ตอบสนองโลกและชีวิตจริง เขียนเป็น "ภูมิการศึกษาสร้างชีวิต" ออกมาซิ อย่างไหนที่คิดว่าสอนแล้ว นักเรียนเป็นได้มากกว่า "คิดตามครู-ทำตามครู-ท่องตามครู" ไม่ใช่แค่เรียนเพื่อรู้ตัวหนังสือ
 
    ทุกวันนี้ เด็กไทยที่กระทรวงศึกษาฯ ทำคลอด เก่งทางไหนทราบมั้ย เก่งทางติดยา เก่งทางเป็นเด็กแว้น เก่งทางเป็นตุ๊ด-เป็นแต๋ว เก่งทางเข้าผับ-เข้าบาร์ เก่งทางจิกผมตบตีแย่งแฟนกันแล้วถ่ายคลิป เก่งทางตั้งแก๊งมั่วสุมชุมนุมเพศ
 
    ถามว่าเด็กรู้หนังสือมั้ย...รู้!
 
    แล้วเอาที่รู้แค่ตัวหนังสือไปอยู่กับชีวิตจริงประจำวัน ที่เรียกว่า "ทำมาหากิน" ได้มั้ย...ก็ไม่ได้!!
 
    ผมไม่โทษเด็ก แต่ขอถาม กระทรวงศึกษาฯ ตะบี้-ตะบันคิดแค่ "สอนให้เด็กรู้หนังสือ" เท่านั้นหรือ ทำไมไม่คิดสอนให้เด็กแม้จบแค่ประถม ก็สามารถนำความรู้จากที่ครูสอนไปทำมาหากินได้ ตามลักษณะภูมิศาสตร์ถิ่นอาศัยของแต่ละคน?
 
    เด็กชนบททางใต้ ควรรู้เรื่องกรีดยาง เรื่องทำสวน ทำประมง เด็กทางอีสาน ทางภาคกลาง เหนือ ควรรู้เรื่องทำไร่-ทำนา เลี้ยงสัตว์ หรือใครชอบทางศิลปะการดนตรี ร้อง-รำ-เล่น ก็ไปทางนั้น ใครชอบทางเครื่องยนต์กลไก แก้มอ'ไซค์ แก้เครื่องไถนา แทรกเตอร์ ได้ ก็ปูพื้นฐานกันไป
 
    สอนเด็กให้มุ่งแต่ไปแย่งกันเข้ามหาวิทยาลัย อยากรู้นัก...มหาวิทยาลัยมันมีอะไรดีนักหนา ถ้าจบออกมาแล้ว เป็นดอกเตอร์ แค่เรือล่ม ก็จมน้ำตาย เพราะว่ายน้ำไม่เป็น 
 
    อยู่คฤหาสน์ร้อยล้าน แค่คนใช้ไม่อยู่ก็อดตาย เพราะติดไฟหุงข้าวก็ไม่เป็น ขับรถคันละหลายล้าน แค่รถตายติดป่า ก็ไม่มีปัญญางัดฝาล้อมาเป็นกระทะทอดไข่ 
 
    บางที ไม่มีเครื่องคิดเลข ไปซื้อปลาทู แม่ค้าบอก 4 ตัว 100 จะซื้อตัวเดียว คิดไม่ถูกตกตัวละเท่าไหร่ ลงท้าย...ดอกเตอร์...อดแด๊ก!
 
    รูปแบบการให้การศึกษาแต่ละยุคไม่เหมือนกัน ยุคนี้ พลโลกกว่า 7,000 ล้าน คนไทยเองก็ร่วมร้อยล้าน ถ้าบวกแรงงานต่างชาติด้วยก็ร้อยกว่าเข้าไปแล้ว ฉะนั้น การศึกษาต้องปรับแนว รู้หนังสือแล้วต้องรู้ทำกินกับที่อยู่ด้วย
 
    ผมจึงว่า ถ้าพูดถึงการปฏิรูปประเทศ ไม่ใช่เริ่มที่หลักสูตรหรือตัวนักเรียน แต่ต้องปฏิรูปโลกทัศน์-มันสมองตัวนักการศึกษาในกระทรวงนั่นก่อน
 
    ประเด็นนี้ ผมไม่ได้ให้ค่าที่ตัว "รัฐมนตรีศึกษาฯ" เป็นอันดับแรก เพราะรัฐมนตรีก็คือนักการเมือง เบ่งได้-เขื่องได้ ในเรื่องนโยบาย เรื่องงบประมาณ เรื่องจัดซื้อ-จัดจ้าง-การประมูล เรื่องหว่านล้อมเป็นหัวคะแนน
 
    แต่จะไปเบ่ง-ไปเขื่องกับนักการศึกษาในด้านการวางแผน-วางรูปแบบการศึกษา กับนักการเมืองที่เดี๋ยวๆ ก็มา เดี๋ยวๆ ก็ไป แต่ระบบการศึกษาที่ต้องต่อเนื่อง... นักการเมืองก็แค่ "ร่างทรงกับเครื่องเซ่น" 
 
    ดังนั้น ในเรื่องจะให้ยุบโรงเรียน ถ้าจะด่า ด่ารัฐมนตรีพงศ์เทพ เทพกาญจนา ทั้งหมดไม่ได้ ต้องด่าเผื่อแผ่ "ผู้บริหารการศึกษา" อันเป็นข้าราชการในกระทรวงด้วย!        
 
    มันเป็น "ยาชงสำเร็จรูป" ของกระทรวงเค้า ใครมาเป็นรัฐมนตรี เขาก็ชงมาให้ดื่มอย่างนี้ แต่ทีนี้...พูดกันตรงๆ นายพงศ์เทพมาเป็นรัฐมนตรีศึกษาฯ ใช่ว่ารักหรือชำนิ-ชำนาญ มีประสบการณ์ทางงานการศึกษามาก่อนก็หาไม่ 
 
    มันเป็นกระทรวงใหญ่ งบประมาณมากอันดับ 1 ถ้าจำไม่ผิดตั้ง 4 แสนกว่าล้าน แล้วครูมีทั่วประเทศ คุมครูทั่วประเทศ เท่ากับมีหัวคะแนนเพิ่มทั่วประเทศ
 
    นายพงศ์เทพ รกรากจากนักการเมืองตระกูลร่ำรวยมหาชัยก็จริง แต่ถือเป็นคนกรุงเทพฯ  มีการศึกษาทั้งเมืองนอก-เมืองใน ผ่านการเป็นข้าราชการตุลาการก่อนมาเป็นนักการเมือง
 
    นั่นก็คือ วิถีชีวิตท่าน ไม่เคยสัมผัส หรือสัมผัสก็แค่ผิวเผินกับชีวิตสังคมคนชนบท ความยากจน "ความด้อยโอกาส" คือสมบัติชิ้นเดียวที่พี่น้องคนไทยที่ซุกตัวเป็นชุมชนเล็กๆ มีติดตัว ก็ถูกต้องตามแผนการศึกษาที่ระบุ "ต้องให้การศึกษากับคนไทยทุกคนอย่างทั่วถึงและมีคุณภาพ"
 
    "จำนวนมาก-จำนวนน้อย" ของนักเรียน จะ 5 คน 10 คน หรือ 500 คน ต่อโรงเรียน นั่นไม่ใช่คำตอบและไม่ใช่เหตุผลของการให้มี หรือให้ยุบโรงเรียน
 
    คำตอบที่ถูกต้องของมันคือ "ประเทศชาติจะอยู่รอดได้ ประชาชนต้องมีการศึกษา" กับสถานที่หนึ่งมี 1 คน กับที่หนึ่งมี 500 คน จะรู้แน่ได้อย่างไรล่ะว่า 1 คนนั้น ไม่ใช่ผู้นำที่จะโด่งดังในอนาคต?
 
    "ช้างเผือก" เกิดในไพรโว้ย...!
 
    ไม่เคยปรากฏ "ช้างเผือก" เกิดตามคอนโดฯ ตามหมู่บ้านจัดสรร หรือไม่จริง?
 
    ฉะนั้น ทั้งรัฐมนตรีพงศ์เทพและบิ๊กๆ ในกระทรวง อย่าทำคำพูดที่ว่า "บริหารให้ประชาชนโง่เข้าไว้ แล้วมันง่ายต่อการปกครอง" คือนโยบายรัฐบาลเพื่อไทยเลย
 
    การพัฒนาประเทศที่ถูกต้อง ต้องพัฒนาคนให้เป็นคน คือมีสติปัญญา รู้ดี-รู้ชั่ว รู้ตัวหนังสือแล้วยังต้องรู้วิทยาการโลกและการดำรงชีวิตตามลักษณะพื้นที่อยู่อาศัยด้วย นี่คือ "ประชานิยม" ที่ถูกต้อง-ของแท้ 
 
    แต่การบริหารแบบล้วงควักเอาสติปัญญาออกจากกะโหลก แล้วยัดกองทุนหมู่บ้านเข้าไป ยัดกองทุนสตรีเข้าไป ยัดกองทุนเงินกู้เข้าไป ยัดรถคันแรกเข้าไป ยัดเงินแจกแลกเป็นสมุนพรรคเข้าไป ยัดความคิดอสัตย์ชาติ ล้มสถาบันเมืองเข้าไป ใช้อำนาจอุปถัมภ์โจรท้องถิ่นเข้าไป
 
    นี่มัน "มอมเมานิยม" เปลี่ยนมนุษย์ประชาธิปไตยเป็น "สัตว์ประชาธิปไตย" ไม่ใช่แนวทางพัฒนาคน-พัฒนาประเทศไปสู่อารยไพศาลที่ยิ่งใหญ่ อย่างเก่งเป็นได้แค่ควายในคอกเท่านั้น!
 
    กระทรวงศึกษาฯ และรัฐมนตรีพงศ์เทพกำลังคิด "กลับหัว-กลับหาง" ในด้านพัฒนาคนด้วยการศึกษา นักเรียนมาก-นักเรียนน้อย ไม่ใช่คำตอบโจทย์การศึกษาชาติ
 
    ทำอย่างไรให้พื้นที่นั้นๆ ซึ่งมีโรงเรียนอยู่แล้ว มีครูอยู่แล้ว มีชุมชนอยู่แล้ว มีหน่ออ่อนของชาติคือเด็กอยู่แล้ว จะต่อยอดจากต้นทุนที่มีอยู่ให้แตกแขนงเป็น "ปัญญาชุมชน" ด้วยการศึกษาที่ทลายคำว่า "โรงเรียนมีไว้เฉพาะเด็ก" ให้เปิดกว้างเป็น "ศูนย์ให้ความรู้" สำหรับทุกคน-ทุกวัยในชุมชน
 
    โรงเรียนวันนี้ ไม่ได้มีไว้เฉพาะให้เด็กเรียนหนังสือ ไหนแรดๆ จะเป็นประชาคมอาเซียนกันมิใช่หรือ ลูกแรงงานต่างด้าว ลาว-พม่า-เขมร ยังจัดได้เรียนอย่างดี แต่ลูกคนไทยเอง โรงเรียนมีอยู่ดีๆ ดันจะยุบทิ้งซะ     
 
    ทุกวันนี้มี "สำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และพัฒนาคุณภาพเยาวชน" ที่เรียกว่า สสค.อยู่มิใช่หรือ?
 
    โรงเรียนขนาดเล็กห่างไกลนั่นแหละดี สอนลูกชาวบ้านแล้ว ก็ให้ สสค.ลงไปศึกษาพื้นที่ แล้วชักชวนพ่อแม่ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย มาใช้โรงเรียนนั้น "เสริมสร้างคน" จะสอนภาษา หรือสอนอาชีพ ก็ว่ากันไป ขึ้นชื่อว่าเรียน-ว่าสอน อย่าไปจำกัดในกะลาว่าต้องเด็กเท่านั้นที่ต้องเรียน
    หรือกระทรวงอยากยุบสถานเดียว...ก็ไม่เป็นไร โอนไปให้วัด ให้ชุมชน ให้ อบต.เขาบริหาร-จัดการกันก็ได้ โอนงบแต่ละหัวการศึกษาให้เขาด้วยก็แล้วกัน แล้วให้ สสค.ลงไปเสริม แต่เดิมมา "วัด-โรงเรียน" อยู่ที่เดียวกันอยู่แล้ว ถ้าไม่มีวัด นึกหรือว่าจะมีประเทศไทยอยู่ได้ถึงวันนี้?
    ผมก็เข้าใจอยู่หรอก การพัฒนาของรัฐบาลเพื่อไทย มุ่งเน้นที่ "ตัวเงิน" กับ "วัตถุ" กู้-ประมูล-สัมปทาน-เปอร์เซ็นต์ ไม่ได้ให้น้ำหนักพัฒนาคนด้วยการศึกษา จะมีบ้างก็ทางประมูลอุปกรณ์ศึกษา เช่น แท็บเล็ต คุณพงศ์เทพ ก็...
    อย่าผิดทางซ้ำซากเลยครับ.
 
 
  • 11 พ.ค. 2556 เวลา 14:04 น.
  • 4,478

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

ความคิดเห็นเกี่ยวกับ : การศึกษา "โง่เข้าไว้ง่ายปกครอง"

เงื่อนไข การร่วมแสดงความคิดเห็น!

ข้อความที่ท่านได้อ่าน เกิดจากการเขียนโดยสาธารณชน และส่งขึ้นมาแบบอัตโนมัติ เจ้าของเว็บไซต์ไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นความจริงหรือ ชื่อผู้เขียนที่ได้เห็นคือชื่อจริง ผู้อ่านจึงควรใช้วิจารณญาณในการกลั่นกรอง และถ้าท่านพบเห็นข้อความใดที่ขัดต่อกฎหมายและศีลธรรม หรือเป็นการกลั่นแกล้งเพื่อให้เกิดความเสียหาย ต่อบุคคล หรือหน่วยงานใด กรุณาแจ้งมาที่ แนะนำติชม เพื่อให้ผู้ควบคุมระบบทราบและทำการลบข้อความนั้น ออกจากระบบต่อไป

ขอขอบพระคุณล่วงหน้า มา ณ โอกาสนี้

^