หลักสูตรพื้นฐานใหม่ รมว.ศธ.'ย้ำให้เด็กจำเท่าที่จำเป็น
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยถึงการปฏิรูปหลักสูตรและตำราการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.)ว่า คณะทำงานที่มี ศ.(พิเศษ)ดร.ภาวิช ทองโรจน์ ที่ปรึกษา รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธาน มีการประชุมต่อเนื่องทุกสัปดาห์และได้แบ่งงานไปดำเนินการ
โดยมีการมารายงานความคืบหน้าทุกสัปดาห์ ซึ่งคิดว่าอีกประมาณ 5 เดือนการดำเนินการน่าจะเสร็จสิ้น จากนั้นต้องมีการทำความเข้าใจกับครูผู้สอนว่า หลักสูตรใหม่จะต้องสอนไปในทิศทางใดซึ่งขั้นตอนนี้คงต้องใช้เวลาประมาณ 6 เดือน เพื่อให้ครูมีความเข้าใจวิธีการสอนแบบใหม่ และเข้าใจเป้าหมายที่จะผลิตเด็กรุ่นใหม่ที่แตกต่างจากเดิม
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า การปรับหลักสูตรใหม่นี้ก็จะมีการรับฟังความคิดเห็นกันร่วมกันอย่างต่อเนื่อง จากทั้งนักวิชาการ ครูผู้สอน นักเรียน และผู้ที่สนใจเรื่องการศึกษา และก่อนจะใช้จริงก็จะมีการเผยแพร่ให้ทราบและก็จะรับฟังเสียงสะท้อนกลับมาอีกครั้งว่าจะต้องมีการแก้ไขปรับปรุงอะไรหรือไม่ ส่วนเรื่องชั่วโมงเรียนนั้นทุกวันนี้เด็กไทยเรียนมากกว่าเด็กประเทศอื่น ทำให้เด็กเกิดความเครียด ขณะที่ผลการวิจัยที่ออกมาก็ใช่ว่าเรียนมากจะเรียนได้ดี ทำให้คณะทำงานมีความเห็นว่าจะต้องลดชั่วโมงเรียน
"ปัจจุบันเด็กเรียนรู้ในสิ่งที่ไม่จำเป็นที่ทุกคนต้องรู้ และไปจำในสิ่งที่ไม่จำเป็นที่ทุกคนต้องจำ อาทิ ประวัติศาสตร์ที่สำคัญของโลกบางเรื่องจำเป็นต้องรู้ เช่น สงครามโลกครั้งที่ 1 ครั้งที่ 2 แต่บางเรื่องเด็กต้องมีความรู้บ้างแต่ไม่จำเป็นต้องรู้ลึก เช่น ประวัติศาสตร์ของประเทศอื่น แต่เด็กก็สามารถที่จะสนใจลึก ๆ เรื่องนั้นได้ แต่ไม่จำเป็นว่าทุกคนต้องสนใจลึก ๆ เหมือนกัน ขณะที่หลักสำคัญ ๆ ที่ทุกคนต้องรู้อย่างเรื่องเศรษฐศาสตร์ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เพื่อนำไปใช้ในชีวิตประจำวันก็จำเป็นต้องจำบ้าง" นายพงศ์เทพกล่าวและว่า สำหรับการจัดงบฯด้านการศึกษา จะเห็นว่าที่ผ่านมาประเทศไทยทุ่มงบฯด้านนี้มากถึงร้อยละ 20 ของงบฯทั้งประเทศ แต่ผลที่ออกมากลับไม่น่าพอใจ เมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านที่ไม่ได้จัดงบฯด้านการศึกษามากเท่าเรา เช่น เกาหลี สิงคโปร์ ไต้หวัน ญี่ปุ่น จะพบว่าเราแพ้ประเทศเหล่านี้อยู่มาก จึงไม่ได้หมายความว่าการใส่เงินลงไปมากแล้วผลการเรียนรู้ของเด็กจะดี จึงจำเป็นต้องมีการปฏิรูปการศึกษาโดยเริ่มที่ปฏิรูปหลักสูตรก่อนเพื่อให้เด็กคิดเป็น เพราะถ้าคิดไม่เป็นจำเป็นอย่างเดียวก็ไม่มีประโยชน์.
ขอบคุณข้อมูลจาก --> หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 1 พ.ค. 2556 (กรอบบ่าย)