LASTEST NEWS

20 เม.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ สังกัด สพฐ. ปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 20 เม.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ สังกัด สพฐ. ปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 19 เม.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 19 เม.ย. 2567ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 ครั้งที่ 1 (รอบที่ 1) สพม.นครสวรรค์ - ผลย้ายครู 2567 สพม.นครสวรรค์ 19 เม.ย. 2567ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 ครั้งที่ 2 (รอบที่ 1) สพป.นราธิวาส เขต 1 - ผลย้ายครู 2567 สพป.นราธิวาส เขต 1 19 เม.ย. 2567ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 ครั้งที่ 1 (รอบที่ 1) สพป.น่าน เขต 1 - ผลย้ายครู 2567 สพป.น่าน เขต 1 19 เม.ย. 2567ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 ครั้งที่ 1 (รอบที่ 1) สพม.นครพนม - ผลย้ายครู 2567 สพม.นครพนม 19 เม.ย. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศผลการย้ายครู ครั้งที่ 1 ประจำปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 19 เม.ย. 2567ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 ครั้งที่ 1 (รอบที่ 1) สพป.ราชบุรี เขต 2 - ผลย้ายครู 2567 สพป.ราชบุรี เขต 2 19 เม.ย. 2567ประกาศผลย้ายครู ปี 2567 ครั้งที่ 1 (รอบที่ 2) สพป.ขอนแก่น เขต 3 - ผลย้ายครู 2567 สพป.ขอนแก่น เขต 3

ศธ. ประกาศ 17 พ.ค.นี้ เปิดเรียน on-site ทุกโรงเรียน 100%

  • 11 พ.ค. 2565 เวลา 06:48 น.
  • 2,328
ศธ. ประกาศ 17 พ.ค.นี้ เปิดเรียน on-site ทุกโรงเรียน 100%

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

ประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง หลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 37)

นายสุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ลงนามในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ ลงวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 เรื่อง หลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ตามข้อกำหนดออกตามความในมาตรา 9 แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 (ฉบับที่ 37)




















ดาวน์โหลดรายละเอียดไฟล์ PDF ได้ที่นี่  :: เอกสารแนบ

ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: เว็บไซต์ moe360.blog วันที่ 10 พฤษภาคม 2565
 
ศธ.ประกาศ 17 พ.ค.นี้ เปิดเรียน on-site ทุกโรงเรียน 100%

ศธ. ประกาศ 17 พ.ค.นี้ เปิดเรียน on-site ทุกโรงเรียน 100% พร้อมยืนยันปลอดภัย หากติดเชื้อในสถานศึกษา ไม่ปิดเรียน แต่มุ่งปิดเฉพาะห้องเรียนที่มีผู้ติดเชื้อ ขณะที่ สธ.เปิด 3 มาตรการ เปิดแผนฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นแก่เด็ก

วันนี้ (10 พ.ค.2565) ที่โรงเรียนพญาไท กรุงเทพฯ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานแถลงข่าวการเตรียมความพร้อมเปิดภาคเรียน ปีการศึกษา 2565 ว่าในปีการศึกษา 2565 นี้  ศธ.มีเป้าหมายเปิดการเรียนแบบ On site ด้วยการสร้างความมั่นใจให้แก่นักเรียน ครู ผู้ปกครอง และชุมชนถึงความปลอดภัย

รวมถึงคุณภาพการศึกษา ที่ลูกหลานของเราจะได้รับผ่านระบบการศึกษาของไทยทุกรูปแบบ และสร้างความไว้วางใจกลับคืนสู่สังคมอีกครั้ง ดังนั้น พวกเราทุกคนต้องรวมพลังกัน เพื่อยกระดับความเชื่อมั่น ความไว้วางใจ หรือ สร้าง TRUST ให้เกิดขึ้นในระบบการศึกษาอย่างเข้มแข็งมากยิ่งขึ้น

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า โดยด้านความปลอดภัย ศธ.ได้ เน้นย้ำให้สถานศึกษาทุกสังกัดเตรียมความพร้อม ตามแนวทางการเฝ้าระวังสำหรับการเปิดเรียน On site ด้วยหลักการ “ตัดความเสี่ยง สร้างภูมิคุ้มกัน” ซึ่งทุกสถานศึกษาต้องทำการประเมินตนเองในการเตรียมความพร้อมก่อนเปิดเรียน

นักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ประเมินความเสี่ยงตนเองเป็นประจำ มีการตรวจคัดกรอง เฝ้าระวังอย่างเหมาะสม  การฉีดวัคซีนให้กับ ครู บุคลากร ผู้ปกครอง และเด็ก อายุ 5-18 ปี ได้รับวัคซีนโควิด 19- ตามเกณฑ์ ให้มีการเร่งรัดจัดฉีดวัคซีนให้แก่นักเรียนทุกคนที่มีความประสงค์จะเข้ารับการฉีดอย่างครอบคลุมและทั่วถึง 

โดยศึกษาธิการจังหวัดประสานกับสาธารณสุขจังหวัดในการเร่งฉีดวัคซีน โดยเฉพาะน้อง ๆ ที่มีอายุระหว่าง 5 -11 ปี ต้องสร้างความรู้ความเข้าใจ และความจำเป็นในการฉีดวัคซีนให้กับผู้ปกครองได้รับทราบ

>> 17 พ.ค.นี้ เปิดเรียน on-site ทุกโรงเรียน 100% 
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่าทุกโรงเรียนต้องปฏิบัติตามมาตรการสร้างความปลอดภัย 6-6-7 ป้องกันโควิด-19 ในสถานศึกษาอย่างเคร่งครัด ทั้งการบริหารจัดการภายในห้องเรียน ภายในโรงเรียน และบริเวณโดยรอบโรงเรียน มีการเตรียมพร้อมแผนเผชิญเหตุ มีการซักซ้อม

รวมทั้งการเตรียมพร้อม School Isolation สิ่งสำคัญ ต้องทำความเข้าใจในชุมชน และสร้างการมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการของชุมชนร่วมกันอย่างเข้มแข็ง  หากมีความเสี่ยง หรือความไม่ปลอดภัยใดๆ เกิดขึ้น กลไกการสื่อสารเพื่อแจ้งเหตุ ผ่าน MOE Safety Center ต้องทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับการลงมือแก้ไขเรื่องร้องเรียนต่างๆ ที่เกิดขึ้น หรือเรื่องความ่ไม่ปลอดภัยนั้น ต้องได้รับการจัดการแก้ไขให้หมดไป

ทั้งนี้ โรงเรียนไม่จําเป็นต้องปิดการเรียนการสอนแม้จะพบการติดเชื้อในโรงเรียน แต่ต้องปฏิบัติตามขั้นตอนตามแผนเผชิญเหตุอย่างแม่นยำ และรวดเร็ว เพราะเป้าหมายสำคัญ นักเรียนควรได้รับการเรียนรู้อย่างเต็มที่ที่โรงเรียน และลดปัญหาการเกิดภาวการณ์เรียนรู้ที่ถดถอย (Learning Loss) 

ด้าน ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัด ศธ.กล่าวว่า วันที่ 17 พ.ค.นี้ เป็นการเปิดเรียนทุกสถานศึกษา ทั้งหมดประมาณ 3.5 หมื่นแห่ง โดยเป็นการเปิด on-site 100% แต่หากบาง รร. ที่ผู้ปกครองกังวลก็จะมีระบบการสอนหลายรูปแบบรองรับ

ขณะนี้บุคลาการการศึกษา ครู ที่มีจำนวนประมาณ 6.8 แสนคน ขณะนี้กว่า 97% ฉีดวัคซีนกระตุ้นมากกว่า 3 เข็มแล้ว เด็กอายุ 12-18 ปี ฉีดวัคซีนไปแล้ว 90% กลุ่มอายุ 5-11 ปี ฉีดไปแล้วประมาณ 50% ก็จะมีการเร่งดำเนินการต่อไป


>> ติดเชื้อในสถานศึกษาจะใช้วิธีปิดเฉพาะห้องเรียน
สำหรับกรณีที่มีการติดเชื้อในสถานศึกษาจะใช้วิธีปิดเฉพาะห้องเรียน ใช้เวลาทำความสะอาดไม่เกินครึ่งวันจะมีการทำงานที่เป็นระบบและเป็นขั้นตอนชัดเจนมากขึ้น

ส่วน รร.ประจำมีมาตรการ school isolation และมีระบบการเรียนออนไลน์ เพื่อแยกกักนักเรียนที่มีความเสี่ยง หรือพบการติดเชื้อ

ขณะที่ รร.สังกัด สพฐ.ได้เตรียมด้านกายภาพ ทำความสะอาด การจัดพื้นที่เว้นระยะห่าง ภายในสถานศึกษา การจัดกิจกรรม ยังคงเน้นทำเป็นกลุ่มเล็ก small bubble ส่วนบางห้องเรียนที่เรียนห้องแอร์นั้น ทุก 2 ชั่วโมง ให้ปิดแอร์เปิดหน้าต่างระบายอากาศเป็นช่วง ๆ


>> มาตรการช่วยเหลือผู้ปกครองแบ่งเบาภาระก่อนเปิดเทอม
ขณะที่ ด้านการสร้างความมั่นใจต่อคุณภาพทางการศึกษานั้น สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในช่วง 1- 2 ปีที่ผ่านมาก่อให้เกิดภาวการณ์เรียนรู้ถดถอยเกิดขึ้นกับนักเรียนในทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งในปีการศึกษา 2565 นี้

ศธ.มุ่งเน้นให้เป็นปีแห่งการเสริมสร้างการศึกษา เพื่อเดินหน้าแก้ไขภาวะถดถอยทางการเรียนรู้อย่างจริงจัง โดยเร่งฟื้นฟูการเรียนรู้ช่วงที่สูญเสียไปให้คืนกลับมาเร็วที่สุดอย่างเป็นระบบ

ให้ความสำคัญกับผู้เรียนเป็นหัวใจ หรือ Child Center ด้วยการนำแนวทางการเรียนรู้แบบ Active Learning ให้ความสำคัญต่อภูมิปัญญาท้องถิ่น การประยุกต์ใช้เทคโนโลยี เพื่อการขับเคลื่อนการเรียนการสอนใน 3 มิติ คือ การเสริมสร้างความรู้ การสร้างทักษะที่เข้มข้น ส่งเสริมทักษะชีวิต หรือทักษะทางสังคม

โดยจะมีการเตรียมความพร้อม หรือการปรับพื้นฐานก่อนเรียน เพื่อค้นหาช่องว่างของน้องๆ ในการออกแบบการเรียนการสอนที่มีคุณภาพอย่างเหมาะสม ด้วยการ ประเมินความพร้อมก่อนการเรียนในทุกระดับชั้น เพื่อรับทราบถึงสถานะ หรือช่องว่างทางการเรียนรู้

เพื่อคุณครูจะได้เตรียมเนื้อหาการเรียนการสอนที่มีความเหมาะสม สามารถเติมเต็มศักยภาพของผู้เรียนได้อย่างเต็มที่ ส่งเสริม สนับสนุนให้สถานศึกษาดำเนินการปรับพื้นฐานให้แก่ผู้เรียนก่อนเปิดภาคเรียน หรือ ภายหลังการเปิดภาคเรียนแล้ว

ในช่วงก่อนเปิดภาคเรียนนี้เพื่อเป็นการแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของผู้ปกครอง ทางองค์การค้าคุรุสภา ได้นำสินค้าเกี่ยวกับนักเรียนมาลดราคาเป็นกรณีพิเศษ ใน Campaign “ช้อปเพลินๆ รับเปิดเทอมกับ ศธ.”

โดยหาซื้อได้ที่ศึกษาภัณฑ์พานิชย์ทุกสาขา หรือผ่านระบบออนไลน์และร้านที่เป็นตัวแทนจำหน่ายขององค์การค้าคุรุสภาในทุกภาค ทั่วประเทศและร้านค้าต่างๆ ที่เข้าร่วมโครงการ โดยจะมีตราสัญลักษณ์ติดแสดงที่หน้าร้าน

มีหลายรายการสินค้า จะมีลดราคาสูงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เครื่องแบบนักเรียน ลดราคา 50 เปอร์เซ็นต์ อุปกรณ์ เครื่องเขียน มีส่วนลดที่มอบให้ ตั้งแต่ 10-20 เปอร์เซนต์คู่มือคุณครู ลด 30%


>> 3 มาตรการสธ.ป้องกันโควิดในสถานศึกษา 
ด้าน นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า แนวโน้มการติดเชื้อในไทยลดลงตามลำดับในเดือน พ.ค. ซึ่งเป็นเดือนที่จะเปิดเรียน on-site และก่อนที่จะมีการประกาศให้โควิด-19 เป็นโรคประจำถิ่น คือต้องเปิดเรียนอย่างปลอดภัยให้ได้ก่อน

ทั้งนี้ สำหรับมาตรการในการป้องกันโควิดของสธ.จะมี 3 ระดับ  คือ

1.การฉีดวัคซีนบุคลากรการศึกษา เด็ก นร.ได้รับวัคซีน โดยในเด็กมัธยมได้เริ่มเข็ม 3 แล้ว ซึ่งเลือกแบบครึ่งโดสได้ ส่วนวัคซีนฝาสีส้มของเด็กประถมฉีดไปแล้วสองล้านกว่าคน มีประสิทธิภาพสูงและพบอาการแพ้น้อย แต่ก็มีทางเลือกวัคซีนเชื้อตาย สองเข็มก็ได้ มีประสิทธิภาพเช่นกัน อยู่ที่ความสมัครใจของผู้ปกครอง

2.มาตรการการคัดกรอง มีหลายระดับสำคัญดูที่อาการเป็นหลัก จึงจะตรวจหาเชื้อ

3.หากมีอาการป่วย สธ.มีนโยบาย 3 พอ หมอพอ เตียงพอ ยาพอ ยืนยันความพร้อมการเปิดเรียนออนไซด์

อย่างไรก็ตาม การติดโควิดของเด็กที่ผ่านมา พบว่าจะติดจากบ้านมากกว่ามาติดที่โรงเรียน ขอให้พ่อแม่คลายกังวล เพราะหากมีการติดโควิดในสถานศึกษาก็จะแบ่งการดูแลในกลุ่ม นร.สัมผัสเสี่ยงสูง ถ้าไม่มีอาการ และ นร.ได้รับวัคซีนครบโดสมาแล้ว ก็สามารถมาเรียนได้ แต่ต้องเฝ้าระวังอาการ เว้นระยะห่าง และตรวจหาเชื้อเป็นระยะ


>> แผนเร่งรัดฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นในกลุ่มเด็ก
ทั้งนี้ สำหรับแผนเร่งรัดการฉีดวัคซีนเข็มกระตุ้นสำหรับกลุ่มเป้าหมายอายุ 12-17 ปี นั้น สธ.ได้มีการแนวทางการฉีด

โดยในกลุ่มที่ฉีดวัคซีนซิโนแวคหรือซิโนฟาร์ม ครบ2 เข็ม ระยะเวลา 1 เดือน แนะนำให้ฉีดไฟเซอร์ ขนาดเต็มโดส

ถ้ากลุ่มที่ฉีดไฟเซอร์ ครบ 2 เข็ม ระยะเวลา 4-6 เดือน แนะนำให้ฉีด ไฟเซอร์ ขนาดครึ่งหรือเต็มโดส

ส่วนสถานที่เข้ารับบริการ นักเรียนสามารถเลือกเข้ารับได้ตามความสมัครใจ

สถานศึกษาจะฉีดเข็มกระตุ้นขนาดครึ่งโดส
สถานพยาบาล จะฉีดเข็มกระตุ้นขนาดเต็มโดส หรือครึ่งโดส 
โดยขณะนี้จากการฉีดผ่านระบบสถานศึกษา ข้อมูลจากศึกษาธิการจังหวัดและสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (วันที่ 28 เม.ย.2565) มีนักเรียนอายุ 12 ปีขึ้นไป ที่ประสงค์ต้องการรับวัคซีนไฟเซอร์ เข็มกระตุ้นขนาดครึ่งโดส จำนวน 1.75 ล้านคน คิดเป็นร้อยละ 50 โดยเปรียบเทียบกับผลการฉีดวัคซีนเข็ม 2 จากระบบ MOPH IC

ส่วนนักเรียนที่มีอายุ 5-11 ปี จากฐานข้อมูล MOPH IC วันที่ 8 พ.ค.2565 พบว่า มีกลุ่มเป้าหมาย 5.1 ล้านคน ฉีดเข็มที่ 1 แล้ว 2.8 ล้านคน หรือร้อยละ 54.5 และฉีดเข็มที่ 2 แล้ว 8.9 แสนคน หรือร้อยละ 17.4 นอกจากนั้น มีนักเรียนที่ประสงค์รับวัคซีนสูตรซิโนแวค และไฟเซอร์ เพิ่มเติมอีก 1.6 แสนคน 

อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19ในนักเรียน/นักศึกษาเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเปิดภาคเรียน มีความจำเป็นอย่างมาก เพราะผลการศึกษาในต่างประเทศและข้อมูลในประเทศไทยบ่งชี้ว่าวัคซีนมีประโยชน์และก่อให้เกิดความเสี่ยง การเกิดภาวะแทรกซ้อนเกี่ยวกับหัวใจ เช่น กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ น้อยกว่าการติดเชื้อโควิด-19 ตาม ธรรมชาติได้ ดังนั้น อยากให้พ่อแม่ผู้ปกครองให้นักเรียนฉีดวัคซีนโควิด-19 

ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 10 พฤษภาคม 2565 เวลา 10:44 น.
  • 11 พ.ค. 2565 เวลา 06:48 น.
  • 2,328

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

^