27 ก.ค. 2568โรงเรียนบางมดวิทยา “สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์” ขยายเวลารับสมัครครูภาษาไทย เงินเดือน 15,000.- บาท 27 ก.ค. 2568โรงเรียนนางรองพิทยาคม ห่วงใยนักเรียน–ครู ปิดเรียนพิเศษ 4 วัน รับมือสถานการณ์ชายแดน 27 ก.ค. 2568แซด! โผซี 11 ศธ.ยุค "รมว.นฤมล" สลับเก้าอี้ "สุเทพ-ประวิต" 27 ก.ค. 2568โรงเรียนชุมชนวัดราษฎร์เจริญธรรม เปิดโอกาส! รับครูอัตราจ้าง 1 อัตรา ร่วมสร้างอนาคตให้เด็ก ๆ 27 ก.ค. 2568สป.ศธ. เรียกใช้บัญชี สพฐ. บรรจุข้าราชการ 38 ค.(2) จำนวน 109 อัตรา ในสำนักงานศึกษาธิการจังหวัด 27 ก.ค. 2568สำนักงานอัยการสูงสุด รับสมัครพนักงานราชการ 23 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 1 - 7 สิงหาคม 2568 26 ก.ค. 2568ด่วนที่สุด! สพฐ. แจ้งซักซ้อมการเลื่อนเงินเดือนข้าราชการครูและเลื่อนขั้นค่าจ้างลูกจ้างประจำ ครั้งที่ 1 (1 เมษายน 2568) 26 ก.ค. 2568TRS ปรับใหญ่! ครูยื่นย้าย เลือก "สถานศึกษาใด ๆ ก็ได้" พร้อมสิทธิ์กลับภูมิลำเนา ไม่ต้องรับรองเอกสาร! 26 ก.ค. 2568สพป.ชลบุรี เขต 3 เปิดรับย้ายตำแหน่งศึกษานิเทศก์ มาตรา 38 ค.(1) ปี 2568 (ครั้งที่ 2) 26 ก.ค. 2568ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิคัดเลือกย้ายตำแหน่งบุคลากรทางการศึกษา มาตรา 38 ค.(2) สพป.สุราษฎร์ธานี เขต 2
ข่าวการศึกษา >
ถึงเวลา ยกเลิกการรับรองหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู หรือยัง?

ประธานสภาคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย
ประธานที่ประชุมคณบดีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์แห่งประเทศไทย
คณบดีวิทยาลัยการศึกษา มหาวิทยาลัยพะเยา
ความเป็นมา
๑.หลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครูเกิดขึ้นจากการบังคับใช้กฎหมาย คือ พระราชบัญญัติ สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. ๒๕๔๖ที่กำหนดการบังคับใช้ในมาตรา ๔๓ และ ๔๔ ดังนี้
๑.๑ ส่วนที่ ๕ การประกอบวิชาชีพควบคุม
มาตรา ๔๓ให้วิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาเป็นวิชาชีพควบคุม ตามพระราชบัญญัตินี้ การกาหนดวิชาชีพควบคุมอื่นให้เป็นไปตามที่กาหนดในกฎกระทรวง
ห้ามมิให้ผู้ใดประกอบวิชาชีพควบคุม โดยไม่ได้รับใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ เว้นแต่ กรณีอย่างใดอย่างหนึ่ง ดังต่อไปนี้
(๑) ผู้ที่เข้ามาให้ความรู้แก่ผู้เรียนในสถานศึกษาเป็นครั้งคราวในฐานะวิทยากรพิเศษทาง การศึกษา
(๒) ผู้ที่ไม่ได้ประกอบวิชาชีพหลักทางด้านการเรียนการสอนแต่ในบางครั้งต้องทาหน้าที่สอนด้วย
(๓) นักเรียน นักศึกษา หรือผู้รับการฝึกอบรมหรือผู้ได้รับใบอนุญาตปฏิบัติการสอน ซึ่งทำการ ฝึกหัดหรืออบรมในความควบคุมของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาซึ่งเป็นผู้ให้การศึกษาหรือฝึกอบรม ทั้งนี้ ตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด
(๔) ผู้ที่จัดการศึกษาตามอัธยาศัย
(๕) ผู้ที่ทำหน้าที่สอนในศูนย์การเรียนตามกฎหมายว่าด้วยการศึกษาแห่งชาติ หรือสถานที่ เรียนที่หน่วยงานจัดการศึกษานอกระบบและตามอัธยาศัย บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กร ปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบัน ทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่นเป็นผู้จัด
(๖) คณาจารย์ ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาในระดับอุดมศึกษาระดับปริญญา ทั้งของรัฐและเอกชน
(๗) ผู้บริหารการศึกษาระดับเหนือเขตพื้นที่การศึกษา (๘) บุคคลอื่นตามที่คณะกรรมการคุรุสภากำหนด
มาตรา ๔๔ ผู้ขอรับใบอนุญาตเป็นผู้ประกอบวิชาชีพควบคุม ต้องมีคุณสมบัติและไม่มี ลักษณะต้องห้าม ดังต่อไปนี้
(ก) คุณสมบัติ
(๑) มีอายุไม่ต่ากว่ายี่สิบปีบริบูรณ์
(๒) มีวุฒิปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง
(๓) ผ่านการปฏิบัติการสอนในสถานศึกษาตามหลักสูตรปริญญาทางการศึกษาเป็นเวลาไม่
น้อยกว่าหนึ่งปี และผ่านเกณฑ์การประเมินปฏิบัติการสอนตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่คณะกรรมการ คุรุสภากาหนด
จากการบังคับใช้ของกฎหมายมาตรา ๔๓ และมาตรา ๔๔ ส่งผลกระทบต่อครูประจำการในขณะที่มีการประกาศใช้กฎหมาย ที่ขาดคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด จึงได้กำหนดบทเฉพาะกาล ไว้ดังนี้
๑.๒ บทเฉพาะกาล
มาตรา ๘๘ ให้วุฒิปริญญาทางการศึกษา หรือปริญญาอื่นที่ ก.ค. กำหนดให้เป็นคุณวุฒิที่ใช้ ในการบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูก่อนวันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ เป็นคุณวุฒิในการขอรับ ใบอนุญาตตามพระราชบัญญัตินี้ ทั้งนี้ ไม่เกินสามปีนับแต่วันที่พระราชบัญญัตินี้ใช้บังคับ
นั่นคือในการบังคับใช้กฎหมายตามมาตรา ๔๓ และ มาตรา ๔๔ นั้นให้ผู้ที่ขาดคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนดมีระยะเวลาสามปี ในการดำเนินการให้ตนเองมีคุณวุฒิและคุณสมบัติตามที่กฎหมายกำหนด

ดังนั้น คุรุสภาจึงได้กำหนดให้มีหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู สำหรับครูประจำการที่ไม่มีวุฒิปริญญาทางการศึกษา หรือเทียบเท่า หรือมีคุณวุฒิอื่นที่คุรุสภารับรอง ให้ได้เรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู โดยครูประจำการที่เรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู ตามบทเฉพาะกาลในขณะนั้น ให้เรียนเฉพาะรายวิชาชีพครู โดยหลักสูตรไม่ได้กำหนดให้ผู้เรียนต้องฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูไม่น้อยกว่าหนึ่งปีตามที่กฎหมายกำหนด เนื่องจากได้ปฏิบัติหน้าที่การสอนอยู่แล้ว
แต่ต่อมากลายเป็นว่าการเรียนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการผลิตครู โดยไปกำหนดเพิ่มเติมให้ผู้ที่เรียนในหลักสูตรต้องฝึกประสบการณ์วิชาชีพครูไม่กว่าหนึ่งปีตามที่กฎหมายกำหนดด้วย จนถึงปัจจุบันนี้
###จึงมีคำถามว่า หากยังมีการเปิดให้มีการสอนหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู ต่อไป จะยังเป็นการตอบสนองเจตนารมย์ของกฎหมายอยู่หรือไม่?
๒.การจัดการเรียนการสอนในหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู ที่สถาบันผลิตครูต้องจัดการเรียนรู้ ตามประกาศคุรุสภา เรื่อง การรับรองปริญญาและประกาศนียบัตรทางการศึกษาเพื่อการประกอบวิชาชีพ พ.ศ. ๒๕๕๗
ข้อ ๑.๓ ประกาศนียบัตรบัณฑิต (๑) จำนวนหน่วยกิตรวม ไม่น้อยกว่า ๓๓ หน่วยกิต (๒) รายวิชา ไม่น้อยกว่า ๒๗ หน่วยกิต และ(๓) ปฏิบัติการสอนไม่น้อยกว่า ๖ หน่วยกิต ภายในระยะเวลหนึ่งปีครึ่ง ทำให้ผู้เรียนต้องเรียนรายวิชาไปพร้อมๆกับการฝึกประสบการณ์วิชาชีพครู(ฝึกสอน) ตามแนวทางการบูรณาการการเรียนรู้กับการทํางาน (Work Intregrated Learning:WIL) ทำให้การบ่มเพาะสมรรถนะด้านวิชาชีพครู ไม่บรรลุวัตถุประสงค์ตามมาตรฐานคุณวุฒิวิชาชีพครู(มคอ.) และมาตรฐานความเป็นครูตามเกณฑ์สมรรถนะของคุรุสภา
###จึงมีคำถามว่าโครงสร้างหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู ส่งผลต่อการบริหารตัดการการผลิตครูให้มีสมรรถนะเท่าที่ควรหรือไม่?
๓.จากการทดสอบเพื่อรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครูของคุรุสภา พบปัญหา ดังนี้
๓.๑ ผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครู มีความหลากหลายสาขาวิชาของวุฒิการศึกษาระดับปริญญาตรี ที่ส่วนมากไม่ตรงและไม่สอดคล้องกับวิชาเอกที่คุรุสภากำหนด เช่น ผู้เข้าทดสอบสำเร็จปริญญาตรีสาขารัฐศาสตร์ ต้องฝึกประสบการณ์วิชาชีพสาขาสังคมศึกษา เมื่อเข้ารับการทดสอบจึงต้องทดสอบในวิชาเอกสังคมศึกษาที่ตนเองไม่มีความรู้ตรงกับสาขาโดยตรง และแม้จะสอบได้ก็จะเป็นปัญหาต่อไป เมื่อสอบบรรจุแต่งตั้งได้ เพราะไม่ได้เป็นครูในสาขาวิชาที่ตรงกับความถนัดของตนเอง ส่งผลต่อคุณภาพการศึกษาของประเทศโดยรวมหรือไม่?
๓.๒ สรุปผลการประเมินสมรรถนะทางวิชาชีพครู พบว่า
๑)ด้านการจัดการเรียนรู้
(๑)คะแนนเฉลี่ย ๒๖.๘๕ (๒)ส่วนเบี่ยงเเบนมาตรฐาน (S.D) ๑.๔๘
๒)ด้านความสัมพันธ์กับผู้ปกครองและชุมชน
(๑)คะแนนเฉลี่ย ๑๗.๗๖ (๒)ส่วนเบี่ยงเเบนมาตรฐาน (S.D)๑.๐๗
๓)ด้านการปฏิบัติหน้าที่ครูและจรรยาบรรณวิชาชีพ
(๑)คะแนนเฉลี่ย ๔๖.๒๕ (๒)ส่วนเบี่ยงเเบนมาตรฐาน (S.D) ๓.๑๕
๔.สำนักงานคณะกรรมการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ได้กำหนดแผนการอัตรากำลังของโรงเรียนแต่ละขนาดตามความต้องการครู โดยเรียงลำดับความต้องการผู้สำเร็จการศึกษาหลักสูตรครูปริญญาตรีทางการศึกษา เรียงลำดับการบรรจุสาขาวิชาเอก ดังนี้ (๑) ประถมศึกษา (๒) ปฐมวัย (๓)ไทย (๔)คณิต (๕) อังกฤษ (๖) สังคม (๗) วิทย์ (๘) พลศึกษา, ศิลปะ,ดนตรี ดังนั้น การสอบบรรจุครูผู้ช่วยของ ก.ค.ศ.จึงไม่มีความจำเป็นที่จะจัดอัตราบรรจุที่นอกเหนือจากแผนข้างต้น ยกเว้นความจำเป็นเฉพาะสาขาขาดแคลนซึ่งมีอยู่น้อยมาก
###จึงมีคำถามว่า หากยังมีการผลิตบัณฑิตหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพครูที่มีผู้สำเร็จการศึกษาจำนวนมาก มีวุฒิปริญญาตรี ไม่ตรงกับความต้องการของการบรรจุครูของ ก.ค.ศ.ต่อไป จะเป็นบาปแก่ผู้เรียนหรือไม่?

จากข้อมูลข้างต้น มีการผลิตครูทุกสาขาวิชาเอก ที่มีปริมาณเกินกว่าอ้ตราบรรจุเพิ่มขึ้นทุกปี เฉลี่ยมีการผลิตครู ปีละ ๕๐,๐๐๐ คน แต่มีอัตราบรรจุเฉลี่ยปีละ ๑๐,๐๐๐ คน ทำให้มีการผลิตครูเกินความต้องการในการใช้ครู เฉลี่ยปีละ ๔๐,๐๐๐ คน จึงทำให้ในปัจจุบันมีนิสิตนักศึกษาที่สำเร็จหลักสูตรครูปริญญาตรี ที่ยังไม่ได้รับการบรรจุเป็นครูมีจำนวนสะสมเพิ่มขึ้นทุกปี อีกจำนวนไม่น้อยกว่า ๕๐๐,๐๐๐ คน

###ด้วยเหตุผลทั้ง ๕ ประการข้างต้น จึงนำมาสู่คำถามว่า
#####ถึงเวลา “ยกเลิกการรับรองหลักสูตรประกาศนียบัตรบัณฑิตวิชาชีพครู หรือยัง?
###นำเรียนท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และคณะกรรมการคุรุสภา” ครับ
#####หมายเหตุ ผู้เขียนมิได้เสนอให้ปิดกั้นผู้ที่มิได้เรียนหลักสูตรปริญญาตรีทางการศึกษา มาเป็นครูตามความต้องการของ ก.ค.ศ., สพฐ., สอศ., สช., ท้องถิ่น ฯลฯ นะครับ
###ผู้สำเร็จการศึกษาวุฒิปริญญาตรีด้านการศึกษาสาขาอื่น สามารถเรียนหลักสูตรปริญญาโททางการศึกษา ตามความต้องการของหน่วยงานผู้ใช้ครูได้ โดยคุรุสภากำหนดโครงสร้างหลักสูตรเปิดกว้างอยู่แล้วได้
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลจาก :: เฟซบุ๊กรองศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ นพรัก