07 ธ.ค. 2568เตรียมพร้อม! ประกาศผลสอบท้องถิ่น ภาค ก และ ภาค ข ปี 2568 รวมลิงก์เช็กรายชื่อผู้มีสิทธิสอบภาค ค ไว้ที่นี่ 07 ธ.ค. 2568สพป.อุดรธานี เขต 3 รับสมัครพนักงานราชการครู 8 อัตรา เงินเดือน 21,780 บาท 06 ธ.ค. 2568สพป.นครราชสีมา เขต 4 รับสมัครพนักงานราชการครู 10 อัตรา เงินเดือน 21,780 บาท 05 ธ.ค. 2568โรงเรียนวัดพระมหาธาตุ รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาเอกภาษาอังกฤษ เงินเดือน 10,000 บาท 05 ธ.ค. 2568กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) รับสมัครเจ้าหน้าที่บริหารงานทั่วไป เงินเดือน 18,750 บาท วุฒิ ป.ตรี ทุกสาขา สมัครทางอีเมลได้ ถึง 17 ธ.ค. 68 04 ธ.ค. 2568วิทยาลัยการอาชีพแก้งคร้อ รับสมัครลูกจ้างชั่วคราว 3 อัตรา (งานบริหาร/ประชาสัมพันธ์/ขับรถ) 04 ธ.ค. 2568สสวท. เปิดรับสมัครพนักงาน 8 อัตรา วุฒิ ป.ตรี-เอก เงินเดือนสูงสุด 37,000 บาท 03 ธ.ค. 2568รวมประกาศรับสมัครพนักงานราชการ (ครู/สายสนับสนุน) สังกัดอาชีวศึกษา หลายจังหวัดทั่วประเทศ 03 ธ.ค. 2568โรงเรียนกันตังพิทยากร รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาเอกภาษาอังกฤษ เงินเดือน 11,920 บาท 03 ธ.ค. 2568โรงเรียนบ้านจอมบึง (วาปีพร้อมประชาศึกษา) รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาเอกคอมพิวเตอร์
ข่าวการศึกษา >
เรื่องเล่าครูที่ไม่อยากย้ายกลับบ้าน กับ ครูที่อยากย้ายกลับบ้านแต่ไม่ได้ย้าย

เมื่อวานนี้ (21 สิงหาคม 2562) สมาชิกท่านหนึ่งที่ใช้ชื่อว่า
สาวเหนือเซาะกิ๋น ได้ตั้งกระทู้ไว้ที่เว็บไซต์พันทิป ซึ่งครูวันดีเอง คิดว่าเป็นบทความที่น่าอ่านและคิดว่าครูหลายท่านคงคิดถึงตัวเอง หากได้อ่านบทความนี้ เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับการย้าย ที่คุณครูทุกคนต่างมีเหตุผลของตัวเอง ในบทความเป็นการยกตัวอย่างคุณครู 3 เคส คือ อยู่ไกลบ้านแม่อยากให้ย้ายไม่อยากเขียนย้าย และพอได้ย้ายกลับอยากไม่มีความสุข , เคสที่มีความสุขกับการทำงานที่เดิม และเคส ที่อยากใช้ชีวิตในจังหวัดที่เจริญกว่าจังหวัดบ้านเกิด
ซึ่งทั้ง 3 เคส มีข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับการดูแลบุพการี ไปติดต่อกันครับ
เรื่องเล่าครูที่ไม่อยากย้ายกลับบ้าน กับ ครูที่อยากย้ายกลับบ้านแต่ไม่ได้ย้าย
ส่วนใหญ่ครูหลายท่านก็อยากบรรจุในภูมิลำเนาบ้านเกิดตนเอง หรือพยายามย้ายให้ได้ เพื่อจะได้กลับไปดูแลบุพการี
มีไหมค่ะ ที่มีครูบางท่านไม่อยากย้ายกลับภูมิลำเนา เพราะสอนที่โรงเรียนที่บรรจุที่แรกดีมาก แต่จำเป็นต้องย้าย เพราะต้องไปดูแลพ่อแม่
แต่กลายเป็นว่าถ้าย้ายมาโรงเรียนในเขตภูมิลำเนา กลับเจอสังคมโรงเรียนที่ไม่น่าอยู่เอาเสียเลย แบบว่าอยากย้ายกลับไปที่เก่ามาก
เรามีเคสเพื่อนๆครู ทั้งที่เป็นครูเราเอง เป็นรุ่นพี่ รุ่นเดียวกันเองบ้างมาเล่าให้ฟัง ผลต่างไปคนละบริบท
เคสแรก ครู ก
ครูเป็นคนภาคอีสาน แต่ไปบรรจุที่ภาคเหนือ ก แฮปปี้ในการไปอยู่มาก เพราะแต่เดิมก็เรียนมหาวิทยาลัยที่จังหวัดนั้น ทำให้มีเพื่อนสมัยเรียนฝูงมาก เพราะส่วนใหญ่ก็ทำงานที่เดิม สังคมในโรงเรียนก็ดีมากทั้งนักเรียนและครู ถึงเป็นคนโสด เลิกงานก็ไปเที่ยวกับเพื่อนในจังหวัด
ก มีแม่อยู่ที่จังหวัดเดิม แม้จะมีลูกคนอื่นอยู่ดูแลแม่อยู่แล้ว แต่แม่ก็อยากให้ครู ก กลับมาบรรจุที่บ้าน ด้วยไปคิดว่าลูกสาวอยู่ไกลบ้าน คงลำบาก
เลยไปขอร้องผู้ใหญ่ ขอให้บรรจุครู ก ที่โรงเรียนในจังหวัด โรงเรียนไหนก็ได้ เพราะเชื่อว่าให้อยู่จังหวัดเดียวกัน ยังไงก็ใกล้กัน
เมื่อแน่ใจว่าได้อัตราแน่ๆแล้ว แม่ก็มากดดันให้ครู ก เขียนย้ายตัวเองกลับมาดูแลบุพการี ทั้งที่ครู ก ไม่อยากย้าย แต่จำใจต้องทำ เพราะไม่งั้นจะถูกต่อว่าว่าทิ้งแม่ได้ยังไง มีที่ไหนไม่อยากย้ายกลับมาเพื่อมาดูแลบุพการี
ปรากฎว่าพอได้ย้ายไปโรงเรียนใหม่ กลายเป็นโรงเรียนชายแดน อยู่ไกลจากบ้านอยู่ดี ไม่ได้กลับบ้านตามที่แม่ครู ก คิดไว้
ชีวิตครูเมือง มาใช้ชีวิตเป็นครูชายแดน ทำให้เกิดความเครียด ทั้งการเดินทาง การไม่ชินสิ่งแวดล้อม
อีกทั้งไม่ได้เลือกว่าอยากย้ายมาอยู่ที่แบบนี้ เลยทำให้เกิดความเครียดจัด
แม่ครู ก เลยไปขอร้องผู้ใหญ่ ขอให้หาอัตราย้ายลูกมาอยู่โรงเรียนใกล้บ้านที่อยู่อำเภอในบ้านเกิด สักปีสองปีก็ได้ย้ายมาสมใจแม่ กลับมาอยู่บ้านเดิม
แต่ครู ก ไม่ชอบสังคมในโรงเรียนที่สามเลย ทำให้สุดท้ายก็ใช้สิทธิ์เออร์ลี่ก่อนอายุเกษียณ เพราะไม่โอเคจะทำงานในโรงเรียนสุดท้าย
ถึงกลับมาอยู่บ้านเดียวกับแม่ แต่ครู ก กับแม่ก็มองหน้ากันไม่ค่อยสนิท ครู ก มักคิดว่าถ้าตัวเองได้ทำงานที่โรงเรียนแรก ชีวิตคงมีความสุขกว่านี้ ถ้าแม่ไม่เข้ามาแทรกแซงอนาคต
เคส ครู ข
ต่างจากครู ก คือ ครู ข ชอบการเป็นครูชายแดนมาก แฮปปี้กับการได้สอนเด็กเล็กๆ ใช้ชีวิตคนโสดอยู่บ้านเล็กๆสงบมาก
แม้จะได้บรรจุเลื่อนจากครูผู้ช่วย เป็นครูแล้ว แต่เมื่อใช้สิทธิ์ได้ย้าย ครู ข กลับไม่เขียนย้าย ด้วยว่ายังสนุกกับการสอนที่เดิมอยู่ พ่อแม่ขอให้เขียนย้ายเพราะรู้ว่าโรงเรียนใกล้บ้านมีอัตราว่าง ครู ข ก็ปฏิเสธ ด้วยยังรู้สึกว่าพ่อแม่ยังแข็งแรงอยู่
เว้นช่วงหลังจากนั้นปีนึง พ่อแม่ครู ข ถึงเริ่มมีอาการป่วยลง ตอนนั้นครู ข ก็คิดได้แล้วว่า คงต้องได้เวลาย้ายกลับบ้านได้แล้ว
แต่จนถึงวันนี้ผ่านมา 4 ปี ครู ข แทบไม่ได้ย้ายไปไหนเลย เพราะอัตราโรงเรียนใกล้บ้านหรือแม้แต่โรงเรียนในจังหวัดบ้านเกิด ไม่รับแลกย้ายเลย
ไม่ว่าจะขอเขียนย้ายกี่ครั้ง ไม่เคยได้มีชื่อครู ข ติดในประกาศย้ายครูเลย
โชคยังดีที่ครู ข ยังพอมีญาติพี่น้องพาพ่อแม่ไปหาหมอบ้าง แต่ก็จะถูกญาติค่อนแคะว่า ตอนมีโอกาสย้ายได้ทำไมไม่ย้าย ตอนนี้เป็นไงล่ะ
ปัจจุบัน ครู ข ยังเป็นครูที่โรงเรียนเดิม สอบถามก็บอกว่าก็แฮปปี้อยู่นะกับการทำงานที่เดิมอยู่นะ แต่ก็สุขไม่เต็มที่เท่าตอนแรกแล้ว
เพราะในใจก็ยังห่วงพ่อแม่ และโทษตัวเองเสมอว่า ทำไมไม่รีบเขียนย้ายในตอนนั้น ก็คงไม่ต้องมาทุกข์ลุ้นอยู่แบบนี้ว่า พ่อแม่จะเป็นอะไรก่อนที่เขาจะได้ย้ายกลับมาบรรจุโรงเรียนใกล้บ้านไหม ถึงตอนนี้ต่อให้สังคมโรงเรียนใหม่ไม่ดี เขาก็คิดว่าคงอดทนได้ ดีกว่าต้องให้พ่อแม่มาอดทนรอเขาแบบนี้
ได้แต่เอาใจช่วยให้ปีนี้เขาเขียนย้ายได้สำเร็จ
เคสสุดท้าย ครู ค
ครู ค เกิดและเรียนในบ้านนอก และมีความคิดว่ายังไงก็จะไม่บรรจุโรงเรียนในบ้านเกิดเด็ดขาด เพราะอยากหนีชีวิตที่ลำบาก
ไปสอบได้บรรจุไปอยู่ในตัวโรงเรียนจังหวัดที่เจริญสมใจ และมีครอบครัวที่จังหวัดนั้นไปเลย อนาคตการงานและลูกยังไงก็สะดวกกว่าบ้านนอก
แม้จะไม่ได้อยู่ดูแลแม้ แต่ที่บ้านเกิด แม่ก็อยู่กับพี่น้องคนอื่นๆ ครู ค ก็ไม่ได้ละเลยโยนเป็นภาระพี่น้องฝ่ายเดียว วันหยุดก็เดินทางมาเยี่ยมแม่ทุกครั้ง แม้จะห่างกันคนละหลายจังหวัด พาหลานมาพบแม่ตลอด เงินทองก็ปันส่งให้แม่ใช้ด้วย
แต่ถึงจะมาเยี่ยมสม่ำเสมอแค่ไหน แม่ของครู ค ก็ยังบอกเสมอให้ครู ค ย้ายมาบรรจุโรงเรียนใกล้บ้าน
แต่ครู ค ปฏิเสธ เพราะโรงเรียนในจังหวัดบ้านเกิด ยังไงก็ไม่เจริญเท่าโรงเรียนจังหวัดที่บรรจุ อีกอย่างลูกก็เรียนโรงเรียนจังหวัดนั้นไปแล้ว จะให้ย้ายตามพ่อแม่เพื่อตามใจย่า มันไม่ใช่เหตุผลที่ดี ครู ค พยายามให้แม่เห็นแก่อนาคตหลาน เรียนเติบโตในเมืองหลวงย่อมดีกว่าบ้านนอก
แต่แม่ก็กลับต่อว่าครู ค เนรคุณ เห็นแก่ความสบายมากกว่าบุพการี
กระนั้นครู ค ก็ไม่เคยใจอ่อน ยังมาเยี่ยมแม่เสมอ และก็ต้องทนฟังแม่ด่าทอตัดพ้อเรื่องเดิมๆ แม่ว่าถ้าอยากให้เลิกด่า ก็เขียนย้ายกลับบ้านเกิดซะ
จนแม่ครู ค เสีย แน่นอนว่าครู ค เดินทางมาดูใจไม่ทัน
พี่น้องส่วนนึงเห็นใจครู ค แต่มีอีกส่วนที่ค่อนแคะว่า ครู ค เนรคุณ ไม่ทำตามที่แม่ขอร้องไว้
ปัจจุบันครู ค เออรี่มาแล้ว ยังใช้ชีวิตในจังหวัดเดิม ลูกๆเติบโตมาอนาคตที่ดีตามที่ครู ค คาดหวังไว้
แต่ครู ค ก็ยังมีแผลในใจเรื่องไม่ย้ายกลับบ้านตามที่แม่ขอร้อง แม้ภายนอกครู ค จะบอกว่าเรื่องมันผ่านไปแล้วก็ตาม
ลูกครู ค ก็ไม่ได้ทำงานอยู่บ้านเกิดสักคน มีคนนึงได้บรรจุเป็นครูผู้ช่วย ลูกบอกว่าสังคมโรงเรียนนี้น่าอยู่มาก ทั้งนักเรียนและเพื่อนครู
ครู ค ดีใจกับลูก และไม่เคยบอกให้ลูกเลือกโรงเรียนใกล้บ้าน หรือเขียนย้ายกลับมาดูแลพ่อแม่
ครู ค บอกว่า ลูกสบายใจที่ไหนก็อยู่ ไม่ต้องห่วงพ่อแม่ แต่ถ้าไม่สบายใจหรือคิดถึงพ่อแม่แล้ว ค่อยเขียนย้ายกลับมา
ได้ฟังเคสครูดังกล่าว เราก็ได้รู้ถึงมุมมองเหตุผลครูบางท่านที่ไม่อยากย้ายด้วยสาเหตุต่างๆ และอยากย้ายก็ไม่ได้ย้าย
คิดว่าครูหลายท่านก็อยากได้ทั้งใกล้บ้านและใกล้บุพการีด้วย บางท่านไม่อยากย้ายไปที่ใหม่ เพราะกลัวไม่ดีเท่าที่เก่า แต่ก็ต้องย้ายเพราะต้องดูแลบุพการี
แต่ในบางครั้ง เราก็ต้องตัดสินใจเลือกอย่างใดอย่างนึงในชีวิต
ความคิดเห็นที่ 1
เหตุผลอันดับ1ของคนที่ไม่ทำงานใกล้บ้าน(อาชีพอื่นก็เช่นกัน) คือ บุพการี ซึ่งสังคมไทยมีค่านิยมเรื่องครอบครัวใหญ่(ตามหลักเป็นคนจีน แต่วัฒนธรรมได้เผยแพร่จนคนไทยก็เป็นไปด้วย) ประเด็นถ้าเลี้ยงได้ตรงกับที่ลูกต้องการ ลูกก็แทบจะตายตามกันได้ แต่สมัยนี้ไม่ใช่ บ้างก็ผูกมัดเกินไป บงการเกินไป ให้มากแต่ไม่เคยรับ และมาขอตอนที่ลูกเรียนจบ มันทำให้ลูกบางคนก็คิดว่าเกิดมาเพื่อเป็นpassive incomeให้พ่อแม่ใช่ไหม
แต่ในกรณีพ่อแม่ของครู กขค เขาคาดหวังว่าลูกจบมาเป็นหน้าตาให้พ่อแม่ ได้อยู่ใกล้ ได้รู้เห็นว่าลูกใช้ชีวิตเช่นไร (แต่การย้ายที่ สภาพแวดล้อมมันก็ต้องต่างกันอยู่แล้ว จะให้ชีวิตเหมือนกับก่อนย้ายได้ยังไง) มันจึงเป็นปัญหาสร้างความอึดอัดให้ลูก / ส่วนพ่อแม่ เมื่อลูกไม่ได้ทำตามที่คาดหวังไว้ มักจะตรอมใจ ยึดว่าเพราะลูกเห็นอย่างอื่นดีกว่าผู้ชุบเลี้ยง ไม่ว่าลูกจะอธิบายยังไงก็คิดว่าเขาโกหก เพราะไม่ได้กุมชีวิตเขาแล้ว ส่วนมากมาเป็นกับพ่อแม่ยุค 2480(ปัจจุบันจะอายุประมาณ70) และมีรุ่นหลังๆอีกเล็กน้อยที่ถ้าเขาเลี้ยงลูกสาวจะเลี้ยงแบบคนยุคนี้(รวมทั้งลูกที่หัวอ่อนว่านอนสอนง่ายด้วย) แต่ยุคนี้กับยุคก่อนมันไม่เหมือนกันแล้วค่ะ ไม่รู้จะให้โทษอะไรดี โทษสื่อโทรทัศน์ที่สร้างฝันให้เรางั้นหรอ หรือโทษตนเองที่ดื้อ หรือโทษพ่อแม่ที่คาดหวังเกินไป หรือโทษสังคมที่มีแต่ความยุ่งยาก (ซึ่งเกิน50% มักโทษสิ่งที่ทำให้กดดันเยอะที่สุด) สมัยนี้เราต้องช่างน้ำหนักแล้วค่ะ ว่าอะไรที่ให้ความสุขเราเยอะที่สุด ครอบครัว ฐานะเงินทอง หน้าที่การงาน ยศอำนาจ ความสุขสบาย ถ้าใครสามารถจับจุดได้ รู้ว่าต้องการอะไร มันก็ไม่ยากที่จะเลือก แต่สิ่งที่ยากที่สุดคือบ่วงของคนรัก รักมากยิ่งมีบ่วง มีเงื่อนมาก จนบางทีก็เหลือแค่ทางเลือกแคบๆ ทั้งที่มันไม่ควรเป็นอย่างนั้น
อ่านต่อ...