สกศ.ชงแผนปั้นสุดยอดครูในอนาคต จบแล้วดันเข้าสู่สถานศึกษาทันที
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
สกศ.ชงแผนปั้นสุดยอดครูในอนาคต จบแล้วดันเข้าสู่สถานศึกษาทันที
ศธ.เล็งจับคู่เด็กที่มีใจรักเป็นครู กับสถาบันผลิตครู จบแล้วดันเข้าสู่สถานศึกษาทันที “พิษณุ” แย้มอาจดึงโครงการเก่ามาปรับแต่งใหม่สนองความต้องการผู้ใช้มากขึ้น คาดเริ่มปี 58
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการประชุมผู้บริหารองค์กรหลักของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เมื่อเร็วๆ นี้ สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) ได้นำเสนอแผนการผลิตครู เพื่อทดแทนครูในระบบที่จะเกษียณอายุราชการภายใน 10 ปีข้างหน้า จำนวนกว่า 200,000 คน ซึ่งหากไม่มีการเร่งผลิตบุคลากรขึ้นมาทดแทนจะทำให้เกิดปัญหาการขาดแคลนครูได้ ทาง สกศ.จึงได้เสนอแผนและกรอบการผลิตครูเพื่อให้ได้ครูที่มีคุณภาพ โดยมีหลักการสำคัญ คือ การคัดเลือกเด็กที่มีความประสงค์ต้องการเป็นครูจริงๆ และจะคัดเลือกสถาบันผลิตครูที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาวิชาเอกมาเข้าโครงการ และเมื่อเรียนจบก็จะป้อนเข้าสู่สถานศึกษาทันที ทั้งนี้ข้อเสนอดังกล่าวยังเป็นเพียงกรอบแนวคิด ส่วนรายละเอียดของแผนนั้น ทาง สกศ.จะไปจัดตั้งคณะกรรมการจัดทำรายละเอียดต่อไป
ด้าน ดร.พิษณุ ตุลสุข รองเลขาธิการ สกศ. กล่าวว่า หลักการของกรอบแนวคิดดังกล่าวได้มาจากการนำจุดเด่นของโครงการผลิตครูที่ผ่านมา อาทิ โครงการคุรุทายาท โครงการเพชรในตม โครงการส่งเสริมการผลิตครูที่มีความสามารถพิเศษทางวิทยาศาสตร์และคณิตศาสตร์ (สควค.) เป็นต้น มาปรับแต่งเพื่อผลิตครูให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้ ซึ่งเบื้องต้นได้นำเสนอแนวทางว่า จะคัดกรองเด็กตั้งแต่ชั้น ม.4- ม.6 โดยจะพิจารณาจากหลายส่วน เช่น พฤติกรรม ผลการเรียน คุณลักษณะที่พึงประสงค์ วุฒิภาวะ ฯลฯ ขณะเดียวกันก็จะคัดเลือกมหาวิทยาลัยที่มีคณะครุศาสตร์/ศึกษาศาสตร์ ว่า ที่ไหนมีความเชี่ยวชาญหรือเป็นสุดยอดในวิชาเอกอะไร เพื่อจับคู่ผู้เรียนกับสถาบันให้เหมาะสม และในการจัดการเรียนการสอนก็จะให้สถานศึกษาหรือผู้ใช้ครู มีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อสถาบันจะได้ผลิตครูตรงตามความต้องการ ตรงตามที่ต้องออกไปสอนจริง
“ผมมั่นใจว่าเมื่อกระบวนการผลิตดี การคัดเลือกคนดี ผลที่ออกมาย่อมต้องดีเช่นกัน อย่างไรก็ตามขอย้ำว่า หลักการเบื้องต้นของการเสนอแผนการผลิตครูดังกล่าว เพื่อเป็นแนวทางการผลิตครูที่มีคุณภาพให้ตรงตามความต้องการของผู้ใช้และรับประกันการมีงานทำ ยังไม่ใช่การให้ทุนเรียนฟรี โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการในปีการศึกษา 2558 เพราะบัณฑิตรุ่นแรกของโครงการนี้จะจบในปี 2562 ก็จะเข้าสู่ระบบได้ทันที ส่วนจะผลิตปีละจำนวนเท่าใดนั้นจะต้องสำรวจตัวเลขที่ชัดเจนอีกครั้ง แต่ตั้งใจว่าในปีแรกจะทำให้ได้ 25% ของความต้องการก่อน แล้วค่อยๆ เพิ่มปริมาณในปีถัดไป” รองเลขาธิการ สกศ. กล่าว.
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 1 ธันวาคม 2557