'จตุรนต์'รับทุ่มเงินการศึกษาล้มเหลว
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
"จาตุรนต์" เผยการศึกษาไทยรั้งท้ายอาเซียน เพราะรัฐทุ่มงบกล้มเหลว
"จาตุรนต์" ลั่นปฏิรูปการศึกษาต้องเร่งทำ 2 เรื่อง ทั้งปรับระบบการเรียนการสอน กระจายอำนาจให้ชุมชนมีบทบาท พบปัญหาเด็ก ป.3 นับแสนยังอ่านหนังสือไม่เข้าใจ ขณะที่ สสค.เปิดตัวชี้วัดคุณภาพการศึกษาไทยสอบตกทั้ง 4 ด้าน ปูดทุ่มเงินเทียบสัดส่วนงบประมาณแผ่นดินสูงเป็นอันดับ 2 ของโลก แต่ 95% หมดไปกับเงินเดือน ใช้พัฒนาผู้เรียนแค่ 4.5% ระบุเยาวชน 10% ตกหล่นระบบโรงเรียน ทำการศึกษาไทยรั้งท้ายอาเซียน
นายจาตุรนต์ ฉายแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษามี 2 เรื่องที่ต้องส่งเสริมและผลักดันอย่างต่อเนื่อง คือ 1.การปฏิรูปการเรียนการสอน โดยให้ความสำคัญกับผู้เรียน และ 2.ส่งเสริมการกระจายอำนาจให้ชุมชนมีบทบาท
ทั้งนี้ การให้ความสำคัญกับผู้เรียน ต้องเปลี่ยนการสอนในห้องเรียนใหม่ จากข้อมูลพบว่ามีเด็ก ป.3 อ่านหนังสือไม่ออกหลายหมื่นคน และหลายแสนคนอ่านหนังสือไม่เข้าใจ สาเหตุของปัญหา คือ หลักสูตรและเวลาที่เด็กต้องเรียนถึง 8 กลุ่มสาระ ทำให้เวลาสอนภาษาน้อยเกินไป และหลักสูตรใหม่ที่ให้สอนแบบอ่านเป็นคำ จำเป็นคำ และการเรียนหลักไวยกรณ์ตั้งแต่เล็ก ทำให้ภาษาไทยกลายเป็นวิชาที่ยากและน่าเบื่อ อย่างนี้จะทำให้เด็กรักการอ่านได้อย่างไร
การส่งเสริมการอ่านเป็นเรื่องใหญ่ที่ต้องอาศัยการส่งเสริมจากหลายองค์ประกอบ อาทิ ปรับปรุงการสอนใหม่ ส่งเสริมให้มีหนังสือดี ห้องสมุดที่ดี สร้างสิ่งแวดล้อมให้คนรักการอ่าน และอ่านแล้วต้องคิดเป็น
ชูสอน"ทวิภาษา"โรงเรียนชายขอบ
นายจาตุรนต์ กล่าวต่อว่า เรื่องการสอนยังต้องปรับปรุงให้สอดคล้องกับพื้นที่ โดยเฉพาะโรงเรียนชายขอบในพื้นที่สูงที่มีความหลากหลายทางชาติพันธุ์ ต้องปรับการสอนใหม่ให้ใช้ทวิภาษา หมายถึงเริ่มสอนจากภาษาที่เด็กใช้ในชีวิตประจำวันก่อน อาทิ ภาษามลายู แล้วขยับมาสอนภาษากลาง ซึ่งทั่วโลกค้นพบมานานแล้วว่าทำให้เด็กเรียนรู้ได้ดีขึ้นมากกว่าการสอนภาษากลางตั้งแต่ต้น ดังนั้นต้องมีกระบวนการพัฒนาครูอย่างจริงจัง
สำหรับการกระจายอำนาจให้กับพื้นที่นั้น ต้องให้โรงเรียนมีอิสระในการจัดการศึกษาให้มากขึ้น และมีความสมดุลในการบริหารการศึกษาระหว่างส่วนกลางกับพื้นที่ซึ่งต้องผสมผสานกัน เพราะหลายเรื่องจำเป็นต้องอาศัยการวางกติกาจากส่วนกลาง เช่น การจัดสอบครูที่พบว่าเมื่อให้แต่ละพื้นที่จัดสอบเองจะพบมาตรฐานที่แตกต่างกัน บางพื้นที่ออกแบบข้อสอบอย่างเข้มข้น บางพื้นข้อสอบก็ง่ายกว่า ซึ่งไม่สามารถวัดผลได้อย่างแท้จริง แต่ผู้สอบได้ทั้งหมดต้องขึ้นทะเบียนในภาพรวมของประเทศ ดังนั้นการปฏิรูปการศึกษาต้องใช้เวลา ทำต่อเนื่อง ต้องตอบปัญหาพื้นที่และชุมชนให้ได้
ที่มาของข่าว : หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 9 พฤษภาคม 2557