KRUWANDEE

มติครม.ประจำวันที่ 2 ก.ค.56

ขอบคุณข้อมูลจาก ISNHOTNEWS 

 

ครม.มีมติตั้งนายกฯ คุมกรมประชาสัมพันธ์ “สุรพงษ์” รองฯ 1 “ประชา” ศปก.ดูกปต.

ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรีเสร็จสิ้น ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ทำหน้าที่ดูแลกรมประชาสัมพันธ์ นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี ยังแต่งตั้ง นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ต่างประเทศของประเทศไทย ให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 1, นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 2 ส่วน พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก ให้เป็นรองนายกรัฐมนตรีคนที่ 3 พร้อมดูแลรับผิดชอบที่ ศูนย์ปฏิบัติการคณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายและยุทธศาสตร์การแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศปก.กปต.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ และกระทรวงยุติธรรม

 

ครม.ตั้ง “อัชพร” เป็นประธานกลต.คนใหม่

นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) วันนี้ (2 ก.ค.) เห็นชอบแต่งตั้งให้นายอัชพร จารุจินดา เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา เป็นประธานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ตามที่กระทรวงการคลังเสนอ แทนนายชัยเกษม นิติศิริ อดีตอัยการสูงสุด ที่ลาออกไปเพื่อดำรงตำแหน่ง รมว.ยุติธรรม 

 

ครม.ไฟเขียวคงราคาจำนำข้าว15,000บ.

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามข้อเสนอของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ด้วยการกำหนดราคารับจำนำข้าวเปลือกเจ้าในราคา 15,000 บาท/ตัน สำหรับการจำนำข้าวเปลือกนาปรัง โดยกำหนดวงเงินไม่เกิน 500,000 บาท/ครัวเรือน กำหนดสิ้นสุดโครงการวันที่ 15 กันยายนนี้

 

สำหรับการปรับเพิ่มราคากลับมาใช้ราคาเดิม 15,000 บาท/ตัน หลังจากปรับลดลงครั้งก่อนเหลือ 12,000 บาท/ตัน เพราะขาดข้อมูลการลงทะเบียนเกษตรกรที่ชัดเจนและการตัดสินใจขยับราคาขึ้นไป เพราะอยู่ในความสามารถการดูแลเกษตรกรได้ โดยยังยึดหลักการดูแลรายได้เกษตรการให้มีความสมดุล การดูแลราคาข้าวให้สอดคล้องกับตลาดโลก การรักษาวินัยทางการคลัง และเน้นการดูแลเกษตรกรรายย่อย

 

ด้าน ร.ท.(หญิง) สุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ได้หารือในหลายประเด็น เช่น นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แจ้งว่าการปรับราคาและนโยบายให้มีความยืดหยุ่น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระหว่างประเทศ รวมถึงกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) สำหรับการดูแลฐานะ การคลัง การให้กระทรวงที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงอุตสาหกรรม ช่วยดูแลการปลูกพืชเกษตรทางเศรษฐกิจ เช่น อ้อย ปาล์มน้ำมัน มันสำปะหลัง เพื่อจัดทำโซนนิ่งการปลูกพืช ในพื้นที่ไม่เหมาะสำหรับการปลูกข้าว 

 

ครม.เห็นชอบร่างพ.ร.ฎ.เปิดประชุมสภา 1 ส.ค.

โฆษกรัฐบาล เผย ครม. มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมรัฐสภา สมัยประชุมสามัญทั่วไป ในวันที่ 1 ส.ค. 2556

นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบ ร่างพระราชกฤษฎีกา เรียกประชุมรัฐสภา สมัยประชุมสามัญทั่วไป พ.ศ.2556 ตามที่ สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เสนอ และให้นำขึ้นทูลเกล้าทูลกระหม่อมถวายต่อไป โดยกำหนดให้เริ่มประชุมรัฐสภา สมัยประชุมสามัญทั่วไป ในวันที่ 1 .ส.ค. ปี 2556 และให้มีกำหนดเวลา 120 วัน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 127

 

“ปู” กล่าวยินดี รมต.ป้ายแดง ย้ำให้ ทำงานมุ่งมั่น ซื่อสัตย์ สุจริต โดยยึดผลประโยชน์ของปชช.เป็นหลัก

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่าก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี( ครม.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกฯได้กล่าวแสดงความยินดีกับรมต.ที่ได้รับพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯแต่งตั้งโดยย้ำให้รมต.ที่ได้รับแต่งตั้งมุ่งมั่นทำงานเพื่อผลประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักและเร่งผลักดันนโยบายของครม.ที่แถลงไว้ต่อรัฐสภา โดยขอให้ยึดหลักความซื่อสัตย์ สุจริตการมีส่วนร่วมและมีการเปิดโอกาสให้มีการตรวจสอบการทำงาน

 

“ ปู” รายงานผลทัวร์นกขมิ้น “มุกดาหาร– ยโสธร”

ขณะเดียวกันนายกฯยังได้สรุปรายงานการลงพื้นที่จ.ยโสธรและจ.มุกดาหาร ซึ่งที่ จ.ยโสธรเป็นจ.ที่มีการปลูกข้าวหอมมะลิเกษตรอินทร์มากที่สุด และยังมีการพบว่าที่จ.ยโสธรนั้นเกษตรกรไม่เข้าร่วมโครงการรับจำนำข้าว เพราะข่าวเกษตรอินทรีย์ที่ปลูกได้นั้นสามารถขายได้ในราคาที่สูงกว่าการเข้ามาในโครงการรับจำนำข้าว จึงมอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ส่งเสริมในเรื่องงานวิจัยส่งเสริมคุณภาพข้าว การเพิ่มพื้นที่เพาะปลูก

 

โดยนายกฯระบุว่าอยากเห็นจ.ยโสธรเป็นจังหวัดที่เป็นต้นแบบการปลูกข้าวหอมมะลิเกษตรอินทรีย์ นอกจากนี้ นายกฯอยากให้มีการปลูกพื้นชนิดอื่นในพื้นที่เพิ่มเติม เพราะปัญหาที่จ.ยโสธรคือปัญหาน้ำไม่เพียงพอจึงมีการเสนอให้มีการปลูกอ้อยและมันสำปะหลังเพิ่มเติมด้วย ส่วนจ.มุกดาหารเป็นเมืองท่องเที่ยวชายแดน สามารถพัฒนาโฮมสเตย์ได้จึงมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาพิจารณาแนวทางผลักดัน ทั้งนี้ รายได้ของประชากรจ.มุกดาหารนั้นต่ำมาก จึงมอบหมายให้กระทรวงอุตสาหกรรมไปพิจารณาแนวทางในการพัฒนาโลจิสติกส์ให้เกิดการจ้างานในจังหวัดมุกดาหาร

 

“ปู” มอบ “พงษ์เทพ” ศึกษาคำสั่งศาลปกครอง สั่ง “กบอ.-มท.” จัดทำ ประชาพิจารณ์ ทันที

เมื่อวันที่ 2 ก.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธีรัตถ์ รัตนเสวี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงการดำเนินการตามคำสั่งของศาลปกครองให้ชะลอโครงการกู้เงิน 3.5แสนล้าน เพื่อการบริหารจัดการน้ำนั้น นายกรัฐมนตรีได้แจ้งในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่าได้มอบหมายให้นายพงษ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกรัฐมนตรี ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทำการศึกษาคำสั่งศาลปกครองว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรต่อไป รวมถึงมอบหมายให้ คณะกรรมการบริหารจัดการน้ำและอุทกภัย (กบอ.) และกระทรวงมหาดไทย ดำเนินการจัดทำประชาพิจารณ์ได้ทันทีในส่วนโครงการที่สามรถดำเนินการได้

 

แบ่งงานรองนายกฯ “ปึ้ง” ผงาดสร.2

เมื่อเวลา 13.30 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ท.หญิงสุณิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติมอบหมายให้รองนายกรัฐมนตรีรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรีกรณีที่นายกฯไม่อาจปฏิบัติราชการได้

 

โดยเรียงลำดับดังนี้ 1.นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รองนายกฯและรมว.การต่างประเทศ 2.นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ 3.พล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รองนายกฯ 4.นายปลอดประสพ สุรัสวดี รองนายกฯ 5.นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกฯและรมว.คลัง 6.นายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รองนายกฯและ7. นายยุคล ลิ้มแหลมทอง รองนายกฯและรมว.เกษตรฯ

 

และสำนักงานพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นายสุรพงษ์ ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงเทคโนโลยีและการสื่อสาร กระทรวงวิทยาศาสตร์ ลงนามในเอกสารที่เกี่ยวกับเรื่องการขอพระราชทานอภัยโทษ การขอแปลงสัญชาติเป็นไทย เป็นต้น ส่วนนายนิวัฒน์ธำรง ให้กำกับดูแลกระทรวงพาณิชย์กระทรวงเกษตรฯเฉพาะกรมการข้าว กรมการส่งเสริมการเกษตร สภาที่ปรึกษาฯ

 

“ประชา”ดูแลความมั่นคงแทน “เหลิม”

ร.ท.หญิงสุณิสากล่าวอีกว่าขณะที่พล.ต.อ.ประชา ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม กระทรวงกลาโหม กระทรวงมหาดไทย สำนักข่าวกรองแห่งชาติ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สภาความมั่นคงแห่งชาติ ศอ.บต.เป็นต้น นายปลอดประสพ กำกับดูแลกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงแรงงาน เป็นต้น นายกิตติรัตน์ กำกับดูแลกระทรวงการคลัง กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงคมนาคม สำนักงบประมาณยกเว้นการอนุมัติงบประมาณในอำนาจนายกฯ นายพงศ์เทพ กำกับดูแลกระทรวงพัฒนาสังคมฯ กระทรวงพลังงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงศึกษาฯ กระทรวงสาธารณสุข ก.พ.และก.พ.ร.สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภคเป็นต้น และนายยุคล ได้รับมอบหมายให้กำกับดูแลกระทรวงเกษตรฯยกเว้นกรมการข้าวและกรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

 

ร.ท.สุณิสากล่าวอีกว่ารมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายวราเทพ รัตนากร กำกับดูแลสำนักงบประมาณ สำนักปลัด เฉพาะศูนย์บริการประชาชน กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง บริษัทอ.ส.มท. นายสันติ พร้อมพัฒน์ กำกับดูแลสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เฉพาะ สำนักงานคณะกรรมการกระจายอำนาจฯและสำนักงานเสริมสร้างเอกลักษณ์ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค

 

ครม.แต่งตั้ง

ครม.มีมติเห็นชอบแต่งตั้งนายอัชพร จารุจินดา เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) แทนนายชัยเกษม นิติสิริ ที่ลาออก นอกจากนี้ครม.ยังแต่งตั้งพล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี เป็นประธานกรรมการในคณะกรรมการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย แทนพล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ที่ลาออกจากตำแหน่ง

 

อนุมัติแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้แทนเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร รวม 8 คน เป็นกรรมการอื่นในคณะกรรมการนโยบายและแผนพัฒนาการเกษตรและสหกรณ์ ตามมาตรา 4 แห่ง พ.ร.บ.เศรษฐกิจการเกษตร พ.ศ.2522 เนื่องจากกรรมการชุดเดิมได้ดำรงตำแหน่งครบ 3 ปีตามวาระ โดยมีรายชื่อของผู้ทรงคุณวุฒิ ดังนี้ 1.ปีติพงศ์ พึ่งบุญ ณ อยุธยา 2.นายพรศิลป์ พัชรินทร์ตนะกุล 3.นายวิศิษฎ์ ลิ้มประนะ 4.นายอรรณพ คุณาวงษ์กฤต ส่วนรายชื่อผู้แทนเกษตรกรและสหกรณ์การเกษตร มีดังนี้ 1.นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ 2.นายประสิทธิ์ บุญเฉย3.นายอนันต์ ศิริมงคลเกษม 4.นายพจน์ อร่ามวัฒนา ทั้งนี้ ตั้งแต่ วันที่ 2 ก.ค. 56 เป็นต้นไป

 

ครม. อนุมัติ เพิ่มเบี้ยเลี้ยง อส. รายละ 9,000 บาท

ร.ท.หญิง สุนิสา เลิศภควัต รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)ว่า ครม. อนุมัติการปรับเงินเพิ่มให้แก่สมาชิกกองอาสารักษาดินแดน(อส.) โดยให้มีการปรับเงินเพิ่มการครองชีพชั่วคราว รวมกับเงินค่าตอบแทน จาก 8,200 บาท เป็น 8,610 บาท โดยเป็นการเพิ่มให้ย้อนหลังตั้งแต่ 1 เม.ย.54-31 ธ.ค.54 อย่างไรก็ตามตั้งแต่ 1 ม.ค.55 เป็นต้นไป ก็ให้ปรับเพิ่มขึ้นอีกระดับ รวมเป็นจำนวนเงิน 9,000 บาท ทั้งนี้ จะเพิ่มเงินให้กับ อส. ที่มีวุฒิต่ำกว่าระดับปริญญาตรี เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่

 

ที่มาของข่าว: เว็บไซต์ ISNHOTNEWS วันที่ 2 กรกฎาคม 2556