ระยองไม่ยุบโรงเรียนขนาดเล็ก
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม
ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ 
ก-
ก+
ระยองไม่ยุบโรงเรียนขนาดเล็กตามนโยบายกระทรวง หาทางออกด้วยการให้ผู้บริหารทำบันทึกข้อตกลงพัฒนาคุณภาพทางการศึกษา เชื่อจะทำให้เด็กมีอนาคตที่ดีได้
วันนี้(14 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ มีนโยบายให้ยุบหรือรวมโรงเรียนขนาดเล็ก ที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คน ในสังกัดสำนักงานคณะกรรมการ การศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ประมาณ 14,000 โรงเรียน ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยอง(สพป.)เขต 1 จ.ระยอง นั้น
โดยนายธงชัย มั่นคง ผอ.สพป.ระยองเขต 1 กล่าวว่า โรงเรียนในสังกัดมีทั้งหมด 116 โรงเรียน มีโรงเรียนขนาดเล็กที่มีจำนวนนักเรียนต่ำกว่า 120 คน มีจำนวน 24 โรงเรียน ทางสพป.ได้เชิญผู้บริหารโรงเรียนมาพูดคุยแนวทางในการพัฒนาคุณภาพการศึกษาและทำบันทึกตกลงกันว่าใน 16 โรงเรียนที่มีนักเรียนจำนวนมากและมีครูสอนครบทุกชั้นให้ทำ MOU ในการยกระดับคุณภาพและพัฒนาคุณภาพการศึกษาในเดือนมิถุนายนนี้ และอีก 5 โรงเรียน มีเด็กนักเรียนมากกว่า 60 คน แต่ต่ำกว่า100 คน ให้มีการสอนแบบคละชั้น อีก 2 โรงเรียน ซึ่งเป็นโรงเรียนหลักโดยเอาโรงเรียนเล็กๆ มาเรียนร่วมกันคือโรงเรียนแม่น้ำคู้ อ.ปลวกแดง มาเรียนร่วมกันกับโรงเรียนบ้านหนองมะปริง ซึ่งอยู่ห่างกัน 3 กม. ในกรณีที่มีการย้ายเด็กมาเรียนร่วม สพป.ระยองเขต 1จะให้รถตู้มาใช้รับ-ส่งนักเรียน 1 คัน
นายธงชัย กล่าวต่อว่า โรงเรียนที่มีนักเรียนต่ำกว่า 60 คน มีจำนวน 8 โรงเรียน คือ โรงเรียนวัดธงหงส์ โรงเรียนบ้านตะพุนทอง โรงเรียนวัดธรรมสถิต โรงเรียนชากกอไผ่ โรงเรียนชากมะหาด โรงเรียนนิคมสร้างตนเอง(13) โรงเรียนบ้านเขาคลองซองและโรงเรียนแม่น้ำคู้ จัดให้มีการสอนคละชั้น ซึ่งให้ผู้บริหารโรงเรียนได้จัดแผนการเรียนการสอนซึ่งจะบริหารจัดการเองได้เพราะฉะนั้นโรงเรียนในสังกัด สพป.เขต 1 จ.ระยองไม่มีการยุบโรงเรียนแต่อย่างใด แต่ถ้าผู้ปกครองมีความประสงค์อยากจะย้ายลูกหลานไปเรียนอีกโรงเรียนหนึ่ง ก็จะจ่ายค่าพาหนะให้ ส่วนชุมชนหรือองค์การบริหารส่วนตำบล(อบต.)ต้องการที่จะเข้าไปบริหารโรงเรียนเองซึ่งมีความพร้อมในเรื่องงบประมาณก็พร้อมที่จะถ่ายโอนให้ทันที
ด้านนายวิทิต ลาวัณย์เสถียร ประธานคณะกรรมการเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาระยองเขต1 จ.ระยอง ประธานมูลนิธิช่วยเหลือเด็กนักเรียนยากจน อ.แกลง จ.ระยอง กล่าวว่า กรณีนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการมีนโยบายให้ยุบหรือรวมโรงเรียนขนาดเล็กที่มีนักเรียนต่ำกว่า 120 คนนั้น ตนเห็นด้วยเพราะถ้าไม่แก้ไขสภาพการศึกษาคงเลวร้ายยิ่งไปกว่านี้ ปัญหาเรื่องการศึกษาเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับนโยบายหลักของการศึกษาแห่งชาติที่วางระบบไว้ ทำให้โรงเรียนเล็กๆขาดความเข้มแข็งที่จะอยู่คู่กับชุมชนหากกระทรวงศึกษามัวแต่มาหาทางออกแค่เรื่องการควบรวม เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ
นายวิทิต กล่าวต่อว่า นโยบายการบริหารจัดการเรื่องแรกที่กระทรวงศึกษาธิการต้องแก้ไขอย่างเร่งด่วน คือการให้ผลตอบแทนครูหรือบุคลากรทางการศึกษาผิดๆโดยใช้วิธีให้ครูทำผลงานวิจัยหลายระดับ เพื่อยกระดับวิทยฐานะของครูตั้งแต่ครูชำนาญการ ครูชำนาญการพิเศษ ครูเชี่ยวชาญและครูเชี่ยวชาญพิเศษ นี่เป็นนโยบายตัวหนึ่งที่สร้างปัญหาอย่างแท้จริง
ผอ.สพป.ระยองเขต 1 กล่าวอีกว่า ในเมื่อกระทรวงศึกษาธิการกำหนดเป็นนโยบาย จะไปโทษครูเอาแต่เวลาไปทุ่มเทกับการทำผลงานวิจัยทำให้ครูไม่มีเวลาจะสอนไม่ได้ เพราะเงินเดือนค่าตอบแทนครูตั้งแต่เริ่มแรกค่อนข้างต่ำ หากครูไม่พยายามดิ้นรนค่าครองชีพเลี้ยงครอบครัวครูส่วนใหญ่ก็ไม่ค่อยพอใช้ ครูทุกคนก็ต้องดิ้นรนเพื่อให้ครอบครัวของตนอยู่รอด เมื่อครูไม่มีเวลาจะสอนเด็กนักเรียนหรือทุ่มเทเวลาให้กับการสอนเด็กนักเรียนน้อยลง ผลสัมฤทธิ์ทางการศึกษาก็เริ่มตกต่ำ ทำให้พ่อแม่ผู้ปกครองต้องดิ้นรนหาทางโดยย้ายบุตรหลานไปเรียนโรงเรียนใหญ่ๆ ปัญหาของโรงเรียนก็เริ่มอ่อนแอลง โรงเรียนขนาดกลาง กลายเป็นโรงเรียนขนาดเล็ก โรงเรียนขนาดเล็กก็แทบจะไม่มีเด็กนักเรียนมาเรียน ทำให้โรงเรียนขนาดเล็กกลายเป็นสภาพที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน
"เรื่องที่สอง การให้สถานศึกษาเป็นนิติบุคคล ก็มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง เนื่องจากความเจริญของแต่ละชุมชนไม่เท่าเทียมกัน โรงเรียนไหนอยู่ในท้องถิ่นที่มีความเจริญ การที่จะระดมทรัพยากรต่างๆก็จะได้รับการตอบสนองที่ดีกว่า ในขณะที่โรงเรียนที่อยู่ในชุมชนเล็กๆห่างไกลความเจริญ การจะระดมทรัพยากรต่างๆในการที่จะพัฒนาการศึกษาเป็นเรื่องที่ยากมาก เมื่อโรงเรียนขาดความพร้อม ก็เป็นอีกปัญหาหนึ่งที่ผู้ปกครองต้องดิ้นรนหาทางย้ายลูกหลานไปเรียนโรงเรียนอื่นเพราะผู้ปกครองเขากลัวว่าอนาคตของลูกหลานจะไม่สามารถเข้าศึกษาต่อในระดับสูงๆได้" นายวิทิต กล่าว.
ขอบคุณข้อมูลจาก --> เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 14 พฤษภาคม 2556