KRUWANDEE

   แท็บเล็ต ป.1 เจ๊งไปแล้ว 8,600 เครื่อง หรือ 1% จาก 8.6 แสนเครื่อง ทำให้ไม่มีเครื่องสำรองเหลืออีก สพฐ.ระบุกำลังวิจัยติดตามผลการใช้ของเด็ก ป.1 คาดเดือน มี.ค.รู้ผล ส่วนแท็บเล็ตชุดใหม่ 1.8 ล้านเครื่องคาดเปิดอี-ออคชั่นได้ในเดือน มี.ค.56 ชงเข้าที่ประชุม ครม.เห็นชอบในสัปดาห์นี้ 
 

    แหล่งข่าวกรรมการบอร์ดบริหารแท็บเล็ตเปิดเผยว่า ได้รับรายงานว่าแท็บเล็ตสำรอง 1% จากจำนวน 860,000 เครื่อง ของชุดนักเรียนชั้น ป.1 ที่รัฐบาลได้เริ่มจัดสรรในปีแรกนั้น ขณะนี้เครื่องสำรองได้หมดลงแล้ว ดังนั้นหลังจากนี้หากมีแจ้งเครื่องเสียหรือหาย นักเรียนจะต้องรอชุดที่ผ่านการซ่อมให้เสร็จก่อน หรือไม่ก็ต้องจัดซื้อใหม่เองต่อไป ทั้งนี้ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้เริ่มทยอยแจกแท็บเล็ต ป.1 ตั้งแต่เดือน ก.ค.55 จนมาจบช่วงเดือน พ.ย.55 ขณะนี้นักเรียนใช้เครื่องแท็บเล็ตในการเรียนการสอนแล้วประมาณ 8 เดือน 
 

    ด้านนายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า สำหรับมาตรการติดตามผลการใช้แท็บเล็ต จำนวน 8.6 แสนเครื่อง ที่แจกนักเรียน ป.1 ทั่วประเทศไปแล้ว สพฐ.มีการดำเนินการ 2 ส่วน ได้แก่

1.การสำรวจผลการใช้งานผ่านระบบออนไลน์ e-MES มีสำนักติดตามและประเมินผลการจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สตผ.) เป็นผู้ดำเนินการ โดยวิธีการคือ เขตพื้นที่ฯ และโรงเรียนจะเป็นผู้รายงานผลการใช้งานแท็บเล็ต อาทิ ได้รับเครื่องครบหรือไม่ ปัญหาการใช้งานทั้งแบตเตอรี่ ระบบ ความเร็ว ความจุ สภาพการใช้งานต่อวัน ต่อสัปดาห์ นักเรียนมีพฤติกรรมในการใช้อย่างไร เป็นต้น แต่การสำรวจดังกล่าวยังเป็นการรายงานผลในภาพกว้างอยู่ ถึงแม้จะมีความรวดเร็วก็ตาม
 

    2.การติดตามการใช้เชิงวิจัย มอบให้ศูนย์พัฒนาการนิเทศและเร่งรัดคุณภาพการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ศนฐ.) เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว คาดว่าหลังจากปิดภาคเรียนช่วงประมาณเดือน มี.ค.นี้คงทราบผลวิจัยเบื้องต้นบ้าง ส่วนความคืบหน้าการจัดทำเนื้อหาการเรียนรู้ชั้น ป.2, ม.1 และวิธีการนำเนื้อหาบรรจุในแท็บเล็ต ป.1 ที่ติดตามนักเรียนขึ้นชั้นมาด้วยนั้น จะใช้ไมโครเอสดีการ์ดในการบรรจุเนื้อหา ป.2 เข้าไปในแท็บเล็ต ขณะที่การจัดทำเนื้อหาการเรียนรู้แท็บเล็ต ป.2 และ ม.1 ขณะนี้มีความคืบหน้า และคาดว่าจะสามารถนำไปบรรจุในแท็บเล็ตได้ทันก่อนช่วงเปิดภาคการศึกษาใหม่นี้
 

    ส่วนความคืบหน้าการจัดซื้อแท็บเล็ตชุดใหม่ ป.1 และ ม.1 จำนวน 1.6 ล้านเครื่อง ในปีการศึกษา 2556 ว่า ขณะนี้ทั้ง 7 หน่วยงาน ได้แก่ สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน สำนักการศึกษากรุงเทพมหานคร สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน กรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น และสำนักการศึกษาเมืองพัทยา ได้เซ็นมอบอำนาจการจัดซื้อแท็บเล็ตด้วยวิธีการอิเล็กทรอนิกส์ หรืออี-ออคชั่น แทนมาที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) แล้ว แต่ สพฐ.ยังรอการแจ้งยืนยันจำนวนเครื่องที่จะให้จัดอี-ออคชั่นแทนอีกครั้ง
 

    นายชินภัทรกล่าวต่อว่า สพฐ.ได้เสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในสัปดาห์นี้ พิจารณาเห็นชอบในหลักการ ในการให้ สพฐ.เป็นหน่วยงานกลางในการดำเนินการอี-ออคชั่นแทน หากผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุม ครม.แล้ว สพฐ.จะรวบรวมจำนวนเครื่องที่ต้องการของแต่ละสังกัดมาเฉลี่ยแบ่งโซนในการดำเนินการจัดอี-ออคชั่นต่อไป
 

    ด้านแหล่งข่าวกรรมการบอร์ดบริหารแท็บเล็ตกล่าวว่า ภาพรวมจำนวนเครื่องแท็บเล็ตปีการศึกษา 2556 ที่แท้จริงมีจำนวน 1,803,338 เครื่อง ครอบคลุมทั้งนักเรียน ป.1 ม.1 และครูผู้สอน ขณะเดียวกัน ขณะนี้คณะกรรมการกำหนดขอบเขตงานเอกสาร หรือทีโออาร์ ที่มีนายโอฬาร ไชยประวัติ เป็นประธาน ได้เห็นชอบสเปกกลางแท็บเล็ต ป.1 และ ม.1 แล้ว อาทิ ป.1 กำหนดราคา 2,720 บาท หน้าจอ 7 นิ้ว ความจุ 8 GB ซีพียู Dual-Core 1.5 GHz ชั้นม.1 กำหนดราคา 2,920 บาท หน้าจอ 8 นิ้ว ความจุ 16 GB ซีพียู Dual-Core 1.5 GHz เป็นต้น ส่วนร่างทีโออาร์ในภาพรวมไม่ต่างจากการจัดซื้อครั้งที่แล้ว เปลี่ยนเพียงระยะเวลาการประกันลดลงจาก 2 ปีเหลือ 1 ปี และสเปกเครื่องมีความทันสมัยมากขึ้น
 

    “หากที่ประชุม ครม.อนุมติ ขั้นตอนต่อไปคือเคาะสรุปทีโออาร์ และเริ่มอี-ออคชั่น ซึ่งน่าจะทำได้ในเดือน มี.ค.นี้ เพื่อดำเนินการจัดสรรแท็บเล็ต ป.1 และ ม.1 ได้ทันเปิดเทอมในปีการศึกษา 2556" แหล่งข่าวกล่าว.

 

ขอบคุณข้อมูลจาก --> เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2556