LASTEST NEWS

29 มี.ค. 2567(( รวมลิงก์ )) ประกาศรับสมัครสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ สังกัด สพฐ. ปี พ.ศ.2567 ทุกจังหวัด ทุกเขตพื้นที่ฯ ทั่วประเทศ 29 มี.ค. 2567สพม.ขอนแก่น รับสมัครสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ ปี พ.ศ.2567 จำนวน 19 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 5-11 เม.ย.2567 29 มี.ค. 2567สพป.ขอนแก่น เขต 5 รับสมัครสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ ปี พ.ศ.2567 จำนวน 13 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 5-11 เม.ย.2567 29 มี.ค. 2567สพป.ขอนแก่น เขต 4 รับสมัครสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ ปี พ.ศ.2567 จำนวน 13 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 5-11 เม.ย.2567 29 มี.ค. 2567สพป.ขอนแก่น เขต 3 รับสมัครสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ ปี พ.ศ.2567 จำนวน 16 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 5-11 เม.ย.2567 29 มี.ค. 2567สพป.ขอนแก่น เขต 2 รับสมัครสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ ปี พ.ศ.2567 จำนวน 12 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 5-11 เม.ย.2567 29 มี.ค. 2567สพป.ขอนแก่น เขต 1 รับสมัครสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ ปี พ.ศ.2567 จำนวน 15 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 5-11 เม.ย.2567 29 มี.ค. 2567อ.ก.ค.ศ.สำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ รับสมัครสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ ปี พ.ศ.2567 จำนวน 901 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 5-11 เม.ย.2567 29 มี.ค. 2567สพม.กำแพงเพชร รับสมัครสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ ปี พ.ศ.2567 จำนวน 2 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 5-11 เม.ย.2567 29 มี.ค. 2567สพป.กำแพงเพชร เขต 2 รับสมัครสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ ปี พ.ศ.2567 จำนวน 9 อัตรา ตั้งแต่วันที่ 5-11 เม.ย.2567

ครูสาวยื่นหนังสือลาออกราชการ ระบุ ระบบราชการไทย มีปัญหา เน้นเอกสาร แฟ้มหนา ๆ สำรวจบ่อย แต่ไม่ใช้

  • 24 ธ.ค. 2564 เวลา 13:49 น.
  • 4,974
ครูสาวยื่นหนังสือลาออกราชการ ระบุ ระบบราชการไทย มีปัญหา เน้นเอกสาร แฟ้มหนา ๆ สำรวจบ่อย แต่ไม่ใช้

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

ครูสาวยื่นหนังสือลาออกราชการ ระบุ ระบบราชการไทย มีปัญหา เน้นเอกสาร แฟ้มหนา ๆ สำรวจบ่อย

เมื่อวันที่ 20 ธ.ค. ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Sophida Ngamjarit เป็นครูในโรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.จันทบุรี สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ได้โพสต์ภาพหนังสือลาออกจากข้าราชการครู จากที่รับราชการมา 4 ปี พร้อมให้สาเหตุที่ลาออกในการครั้งนี้ มีความประสงค์ลาออกราชการ เพราะ ประกอบธุรกิจส่วนตัว ระบุข้อความในโพสต์ดังนี้


บันทึกความซื่อสัตย์ต่อชีวิตตนเอง ครั้งที่ 2 ของชีวิต (ยาวมาก น่าจะยาวที่สุดในชีวิตนี้ที่จะโพสแล้ว)
ครั้งแรกคือการเลือก สละสิทธิ์ หลังจากสอบติด ปโท บริหารการศึกษา ที่ ม. เกษตร
หลังจากที่ใช้ชีวิตมา 28 ปีแบบ ไม่เคยปฏิเสธโอกาสที่เข้ามาเพราะมองว่า โชคชะตาคงกำหนดแล้ว แต่เป็นจุดที่คิดว่า ถ้าเรายังไหลตามโอกาสที่เข้ามาสุดท้ายแล้วชีวิตเราจะได้เลือกอะไรที่เป็นทางของเราจริง ๆ สักทีวะ


สาเหตุที่ลาออก หลัก ๆ ไม่เห็นคุณค่าของตัวเองต่องานที่ทำ แต่ละคนมีความชอบ และทัศนคติต่อความสำเร็จในชีวิตที่แตกต่างกัน บางคนมองว่าข้าราชการคือความสำเร็จของตนเอง แต่ส่วนตัวไม่ได้รู้สึกแบบนั้น มองแค่ว่าอาชีพก็คืออาชีพ คงไปห้ามหรือเปลี่ยนความคิดคนอื่นไม่ได้ ทุกอาชีพมีคุณค่าของตนเอง ขอแค่มีความสุขกับสิ่งที่ทำแล้วหาเลี้ยงตัวเองได้ก็พอ 1 คำที่ได้ยินบ่อยมากคือคำว่ามั่นคง มั่นคงเพราะรัฐบาลเลี้ยงตอนบั้นปลาย ท้ายสุดเรามองว่า ความมั่นคงก็คือความมั่งคั่ง ถ้ายังหาเลี้ยงตัวเองได้ และมีเงินยามฉุกเฉิก เราก็รู้สึกว่านี่คือความมั่นคงแล้ว และมั่นคงเพราะราชการถูกไล่ออกยาก กดดันน้อยกว่างานอาชีพอื่น อ้าว นี่เราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิตแบบกลัวโดนไล่ออกหรอ เราไม่ได้เกิดมาเพื่อได้ลองใช้ชีวิตแบบเต็มที่หรอ บางคนคงคิดว่าเราโง่ที่ทิ้งงานที่มีแต่คนอยากได้ไป แต่แค่อยากบอกให้รู้ไว้ ว่านิยามความสุขของชีวิตและเป้าหมายของการเกิดมามันไม่เหมือนกัน



รู้ตัวตั้งแต่ฝึกสอนว่าไม่ชอบอาชีพนี้ แต่ก็โชคดีได้กลุ่มครูพี่เลี้ยง(พี่อ้อย พี่เก๋ และพี่ๆ ในโรงเรียนคนอื่น ๆ ที่น่ารักมากก) แต่พอเรียนจบก็ไหลตามโอกาสที่มา ได้บรรจุตั้งแต่เรียนจบ จนมาถึงจุดเปลี่ยนคือตอนสอบติด ปโท บริหารการศึกษา ตอนนั้นก็คือลังเล เพราะถ้าเรียนต่อและอยู่ในสายนี้ต่อก็คงก้าวหน้า ตอนนั้นปรึกษาพี่ ๆ หลายคนมาก ต้องขอบคุณพี่อีฟ พี่เอ พี่แป้ง พี่โอ๋ พี่กิ้ก พี่อ๊อฟ ที่รับฟัง คุยเป็นชั่วโมง ๆ สุดท้ายตัวเราก็ยังลังเล
แต่ท้ายสุดแค่รู้สึกว่า อยากตัดสินใจให้ชีวิตตนเองบ้าง ไม่อยากไหลตามโอกาสที่เข้ามาแล้ว พอสละสิทธิ์คือโคตรโล่ง รู้สึก เห้ย ชีวิตก็เป็นของเรานี่นา

จนมาถึงจุดนี้ ที่ลาออกจากราชการครู ตั้งแต่บรรจุมา คือโชคดีที่ได้โรงเรียนที่ดีมาก เพื่อนครูในโรงเรียน และผอ คือโคตรน่ารัก อยู่แบบครอบครัว ช่วยเหลือกันทุกเรื่องจริง ๆ แต่สิ่งที่ทำให้เราทนอยู่กับจุดนี้ไม่ได้ คือตัวระบบ พูดตรง ๆ เราเกลียดงานเอกสาร งานเอกสารที่เน้นเยอะ เน้นยืดเยื้อ มากกว่าผลลัพท์ที่ควรจะเป็น การต้องบังคับอบรม ที่เนื้อหามีแค่ 1/8 การต้องบังคับให้เด็กทำโครงงานนู้นนี่ เพื่อทำให้ครูมีผลงาน ไม่ได้บอกว่าเด็กไม่ได้รับประโยชน์ แต่แค่รู้สึกว่า สุดท้ายแล้วสิ่งที่นักเรียนได้รับมันทำให้นักเรียนค้นหาตัวเองเจอ จริง ๆหรอวะ นักเรียนอยากทำด้วยตัวเองจริง ๆ หรอ หรือเพื่อให้โรงเรียนได้เชิดหน้าชูตา ระบบการศึกษาเหมือนเน้นแค่ชั่วโมงเรียน เน้นการยัดเนื้อหาความรู้ ตัวเราก็เป็นเด็กเรียน อยู่ห้องคิง ได้เกรด 4 มาตลอด ตอนเรียนมหาลัยก็ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 แต่จนตอนนี้ ที่อายุ 28 ก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองชอบอะไร มีแต่คำถามว่า เกิดมาทำไมวะ เราถนัดอะไรวะ นอกจากเรียน คำตอบก็คือไม่รู้เลย เหมือนที่ผ่านมา เราทำตามระบบสังคมที่มีมา ไม่ค่อยหยุดเพื่อฉุกคิดว่า สุดท้ายแล้ว เราชอบหรือถนัดอะไรกันแน่ ยิ่งช่วงออนไลน์คือสงสารนักเรียนมาก แบบเรียนก็ลำบาก แต่ระบบการศึกษาก็ยังพยายามยัดเหยียดเนื้อหา ให้มันครบชั่วโมงตามที่ควรจะเป็น สุดท้ายแล้วนักเรียนได้ความรู้จริงๆหรอ หรือแค่ทำเพราะอยากให้เวลาเรียนมันครบ ให้มันถูกตามกฎระเบียบ


ที่ไม่ชอบหนักสุด คือการต้องทำวิทยฐานะ บางคนคงคิดไม่ชอบก็ไม่ต้องทำสิ ใช่เราคิดว่าถ้าเราอยู่ต่อ เราก็คงไม่ทำ ไม่ใช่ว่ามันยากหรืออะไรนะ แต่แค่รู้สึกทำไปทำไม ทำแล้วใครได้ประโยชน์ นอกจากเงินเดือนขึ้น คือตัวกระดาษ ตัวน้ำมันเยอะ ละเปลี่ยนตลอด เหมือนข้างบนเขาว่าง เปลี่ยนเก่ง สรรหาให้ครูต้องทำอะไรที่มันเยอะ ๆ ไม่ผลลัพท์จิ้ดนึง เยอะในการจัดจีบผ้า ตั้งโต๊ะ ฟิวเจอร์บอร์ แฟ้มหนา ๆ กระดาษเยอะ ๆ คือแบบเฮ้อ ทำทำไม ขอสอบเลื่อนขั้นแทนได้ไหม หรือดูจากผลสัมฤทธิ์ของนักเรียนที่สอบได้ตามคณะที่ตัวเองอยากได้ และมีทักษาะในการใช้ชีวิต ให้คุ้มกับการที่ได้เกิดมา หนักสุดคือความไม่แน่นอนของการดำเนินงานในรระบบราชการ สำรวจไปเถอะ สำรวจซ้ำ ๆ สำรวจเสร็จ สุดท้ายที่สำรววไปไม่ได้ใช้ สำรวจ 10 ครั้ง ใช้ครั้งที่ 1 หรือสำรวจ 5 ครั้ง สุดท้ายใช้ครั้งที่6 เห้ยย เวลามีค่านะ ทุกวินาทีที่เดินผ่านไปแล้วมันเรียกกลับมาไม่ได้ เน้นที่ผลลัพท์เถอะ อย่าเน้นที่ความยืดเยื้อของกระบวนเลย อะไรที่ไม่จำเป็นก็ตัดออกบ้าง(ความเห็นส่วนตัวล้วนๆ 55555555)

ท้ายสุด เราไม่รู้ว่าอนาคตเราจะดีหรือแย่ เราจะรู้สึกผิดต่อการตัดสินใจครั้งนี้ไหม แต่เราแค่รู้สึกว่า เราได้เกิดมาแล้ว เราไม่อยากเป็นนักโทษที่ถูกขังอยู่ในคำว่า เซฟโซน หรือไหลตามโอกาสที่มันวิ่งมา เราอยากวิ่งออกไปหาโอกาสเอง ถามว่าลาออกมาแล้วจะทำอะไร คำตอบคือไม่รู้เหมือนกัน เพราะที่ผ่านมาไม่เคยได้หยุดคิด หยุดเพื่อคุยกับตัวเองเลย ว่าเห้ย เฟิร์น ชอบทำอะไรวะ อายุ 28แล้ว ไม่อยากเสียเวลามากไปกว่านี้แล้ว บางคนมอง 28แล้ว จะมาค้นหาอะไรตอนนี้ ถ้าอายุขัยคนเรา 30 นี่ก็คงแก่เกินไป แต่ใครจะรู้เราอาจอยู่ถึง 60 80ปีก็ได้นะ นี่ยังไม่ถึงครึ่งชีวิตเลยนะ ฮีบ ๆ สู้นะตัวเราจะดีจะแย่แค่อย่าโทษตัวเองก็พอ อะไรที่เกิดขึ้นแล้วมันดีเสมอแหละ 


อ่านรายละเอียดได้ที่ :: เฟซบุ๊ก Sophida Ngamjarit
  • 24 ธ.ค. 2564 เวลา 13:49 น.
  • 4,974

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

^