เคลียร์อำนาจ ม.53 สพท.-ศธจ.ลงตัว
นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ ก- ก+
เคลียร์อำนาจ ม.53 สพท.-ศธจ.ลงตัว"บุญรักษ์-การุณ" นั่งหัวโต๊ะแถลง สพท.-ศธจ. คุยแบ่งอำนาจตามมาตรา 53 ลงตัว มี 2 บอร์ดให้ ศธจ.เป็นเลขานุการ ผู้ว่าฯนั่งหัวโต๊ะ ให้ผอ.สพท.ลงนามตามมติ กศจ.
จากเหตุความขัดแย้งการทำงานของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.)และศึกษาธิการจังหวัด (ศธจ.) อันเนื่องจากคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 19/2560 ในข้อที่13ที่กำหนดให้อำนาจการบรรจุและแต่งตั้งข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในจังหวัดและกรุงเทพฯ ตามมาตรา53(3)และ(4)แห่งพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 เป็นของศธจ.โดยความเห็นชอบของคณะกรรมการศึกษาธิการจังหวัด (กศจ.)
จากเดิมเป็นอำนาจของสพท.จึงมีข้อเรียกร้องจาก ชมรมผอ.สพท.ให้มีการยกเลิกคำสั่งดังกล่าว จน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ จะเสนอ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช.ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.255 แก้ไขคำสั่ง คสช.ฉบับดังกล่าว
ล่าสุดเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม ที่โรงแรมตรัง มีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนด้านการบริการงานบุคคลระหว่างสพท.และศธจ. ของศธ.ให้มีประสิทธิภาพ นายบุญรักษ์ ยอดเพชร เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) พร้อมด้วย นายการุณ สกุลประดิษฐ์ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และตัวแทนศึกษาธิการจังหวัด(ศธจ.) ตัวแทนผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา (สพท.) ประมาณ 50 คนแถลงข่าวความขัดแย้งระหว่างศธจ.และสพท.
นายบุญรักษ์ กล่าวว่า ได้พูดคุยกับทั้ง สพท.และศธจ. มีข้อสรุปที่จะเสนอแก้ไขคำสั่งคสช.ที่ 19/2560โดยให้ศธจ.เป็นผู้แทนศธ. ทำหน้าที่ประสานงาน บูรณาการการศึกษาในดับจังหวัด ซึ่งได้มีการเสนอตั้งคณะกรรมการ 2 ชุด คือ คณะกรรมการบูรณาการด้านการศึกษาและ คณะกรรมการการบริหารงานบุคคล ทั้ง 2 ชุดมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ศธจ. เป็นเลขานุการ สำหรับคณะกรรมการบริหารงานบุคคล จะมีผอ.สพท.ในจังหวัดทุกคนร่วมเป็นกรรมการ พร้อมด้วยผู้ทรงคุณวุฒิ และผู้แทนจากส่วนต่าง ๆ ซึ่งสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) อยู่ระหว่างพิจารณาข้อกฎหมาย กำหนดสัดส่วนผู้แทนให้ชัดเจน
อย่างไรก็ตาม อำนาจการบริหารงานบุคคล ตามมาตรา 53 ให้ผอ.สพท. เป็นผู้ลงนามตามมติกศจ. ในส่วนผอ.ร.ร.ลงนามตามมติกศจ. ซึ่งอำนาจจการลงนามของ ผอ.ร.ร. มีอำนาจลงนามอนุมัติเรื่องที่เกี่ยวข้องกับครู ที่ไม่มีวิทยาฐานะ ตั้งแต่การแต่งตั้ง เลื่อนขั้นเงินเดือน หรืออื่น ๆ ที่เป็นมติของกศจ. ส่วนครูที่มีวิทยฐานะแล้ว เป็นอำนาจของผอ.สพท.พิจารณา
ขณะที่ในส่วนของกศจ.มีหน้าที่พิจารณาอนุมัติตามที่ผอ.สพท. เสนอ ซึ่งตรงนี้มีการคานอำนาจ กรณีที่กศจ.เห็น เรื่องที่สพท.เสนอมาไม่เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย กศจ.ก็จะไม่อนุมัติ หรือขอให้ชี้แจงเพิ่มเติม เป็นการถ่วงดุลการใช้อำนาจระหว่างผอ.สพท. และกศจ. การพิจารณาเรื่องการบริหารงานบุคคลจะจบสุดท้ายที่คณะกรรมการชุดนี้
"การแก้ไขคำสั่งคสช.ครั้งนี้น่าจะตอบโจทย์ทุกคนแล้ว ทั้งอำนาจผอ.สพท. อำนาจผอ.ร.ร. เชื่อว่าทุกอย่างออกมาน่าจะตรงตามที่คิด เพราะในส่วนของผอ.ร.ร.ก็มีอำนาจในการลงนามเรื่องที่เกี่ยวกับครูที่ไม่มีวิทยาฐานะ ส่วนการใช้อำนาจเดี่ยว การพิจารณาเรื่องงานบุคคลคืนให้สพท. โดยการอนุมัติของ อย่างไรก็ตาม การเสนอแก้คำสั่งนี้ ศธจ.ก็ยังมีอำนาจ เพราะทุกเรื่องที่จะใช้อำนาจผอ.สพท. หรือผอ.ร.ร. ก็จะต้องส่งเรื่องผ่านศธจ. ก่อนเสนอให้กรรมการแต่ละชุดพิจารณา โดยศธจ. จะมีการกลั่นกรอง ว่าเป็นไปตามขั้นตอนหรือไม่ ศธจ. ก็คือแม่บ้านใหญ่ที่จะนำเรื่องเข้า แม้ศธจ.ไม่มีอำนาจไปบริหารร.ร.หรือบริหารสพท. แต่มติที่ออกมาก็ต้องรับผิดชอบผลทางกฎหมายด้วย"เลขาธิการ กพฐ.กล่าว
ด้าน นายการุณ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เซ็นหนังสือ แก้ไขคำสั่งคสช.ที่ 19/2560เสนอให้นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รมว.ศึกษาธิการ พิจารณา เพื่อเสนอให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคสช. พิจารณาอนุมัติ
"ขอย้ำว่า การตั้งศธจ. เพื่อสร้างความเป็นเอกภาพของหน่วยงานในพื้นที่ ศธจ.จะเป็นตัวแทนจากส่วนกลางลงไปทำงานเชิงบูรณาการทั้งงบประมาณ งานบุคคล คิดว่างานจะต้องหนักขึ้นกว่าเดิม เพราะต่อไปต้องประสานอย่างเข้มข้น ไม่ใช่เฉพาะสพท. แต่รวมถึง สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน ( สช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง"นายการุณ กล่าว
ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก วันที่ 12 ธันวาคม 2560