LASTEST NEWS

19 มี.ค. 2567กยศ.ออกเกียรติบัตรให้กับผู้กู้ที่มีประวัติการชำระเงินคืนดี 19 มี.ค. 2567“สุรินทร์” ผู้ช่วยเลขาธิการกพฐ.ป้ายแดง เผยการเลื่อนสอบบรรจุครู ว16 ว17 และ ว14 ไม่กระทบการเรียนการสอนของเด็ก ยืนยันบรรจุครูทันเปิดเทอมแน่นอน 17 มี.ค. 2567ราชกิจจานุเบกษา ประกาศข้อบังคับคุรุสภา ว่าด้วยใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2567 17 มี.ค. 2567โรงเรียนสตรีนครสวรรค์ รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาเอกภาษาไทย เงินเดือน 12,000 บาท ตั้งแต่วันที่ 22 - 26 เมษายน พ.ศ. 2567 17 มี.ค. 2567ด่วน! กรุงเทพมหานคร เปิดสอบครูผู้ช่วย กรณีพิเศษ 15 วิชาเอก 730 อัตรา รับสมัคร รอบที่ 1 ตั้งแต่ 20-26 มี.ค.2567 และรอบที่ 2 ตั้งแต่ 31 พ.ค.-14 มิ.ย.2567 16 มี.ค. 2567โรงเรียนหนองแค“สรกิจพิทยา” รับสมัครครูอัตราจ้าง 2 อัตรา เงินเดือน 12,000.- บาท ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม - 24 มีนาคม 2567 16 มี.ค. 2567โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์(วัดน้อยใน)ในพระราชูปถัมภ์ฯ รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาสังคมศึกษา เงินเดือน 15,000.- บาท ตั้งแต่บัดนี้-22 มีนาคม 2567 16 มี.ค. 2567โรงเรียนเบญจมราชรังสฤษฎิ์ 2 รับสมัครครูอัตราจ้าง วิชาสุขศึกษาและพลศึกษา เงินเดือน 15,000.- บาท ตั้งแต่ 18-22 มี.ค.2567 16 มี.ค. 2567สพฐ. สั่งเด้งด่วน! ผอ.หวงเก้าอี้ ฮึ่มเร่งสอบข้อเท็จจริง ภายใน 7 วัน 16 มี.ค. 2567สพฐ. สั่ง ผอ.เขต รายงานด่วน ”ผอ.โรงเรียนหวงเก้าอี้“ พร้อมกำชับให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

ค้าน "คลัง" ยกงบ7หมื่นล.ให้ประกันดูแลสวัสดิการขรก.

  • 08 ธ.ค. 2559 เวลา 22:33 น.
  • 7,530
ค้าน "คลัง" ยกงบ7หมื่นล.ให้ประกันดูแลสวัสดิการขรก.

นำเสนอข่าวโดย >> ทีมงานครูวันดีดอทคอม ส่งข่าวนี้ เข้าไลน์ LINE it! - +

ค้าน "คลัง" ยกงบ7หมื่นล.ให้ประกันดูแลสวัสดิการขรก.​

คสร.ค้านคลังเตรียมยกงบ 7 หมื่นล้านให้ธุรกิจประกันภัยดูแลสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ เชื่อกระทบระบบ รพ.รัฐ เสนอให้ราชการบริหารเอง ไม่ใช่เอื้อประโยชน์เอกชน กรมบัญชีกลางต้องปรับปรุงระบบสิทธิประโยชน์ ใช้ยาสมเหตุสมผล


วันที่ 7 ธ.ค. ที่ห้องประชุมศศนิเวศ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เครือข่ายปฏิรูประบบสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ (คสร.) จัดแถลงข่าว "คัดค้านกระทรวงการคลังเตรียมยกงบประมาณ 7 หมื่นล้านบาทให้ธุรกิจประกันภัยดูแลสวัสดิการรักษาพยาบาลข้าราชการ" โดยมีอดีตผู้บริหารภาครัฐ เป็นข้าราชการบำนาญเข้าร่วมแถลงครั้งนี้ นพ.มงคล ณ สงขลา อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และตัวแทน คสร. กล่าวว่า ที่ผ่านมา กระทรวงการคลังยอมรับว่าได้เตรียมการในการนำเรื่องการโอนเงิน 7 หมื่นกว่าล้านไปให้ธุรกิจประกันภัยบริหารจัดการเรื่องค่ารักษาพยาบาลของข้าราชการและครอบครัว โดยย้ำว่าจะไม่มีการลดสิทธิใดๆ และไม่เพิ่มงบประมาณของประเทศ สิ่งที่เราไม่สามารถรับได้เนื่องจากมีประสบการณ์เรื่องการบริหาร พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถยนต์ พ.ศ.2535 โดยบริษัทเอกชนนอกจากมีค่าบริหารจัดการแล้ว ยังต้องการกำไรอีก อีกทั้งผู้ประสบภัยจากรถพบปัญหามากมายในการเบิกเงินจนต้องเบิกจากสิทธิอื่นๆ ทั้งสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า สิทธิข้าราชการ และสิทธิประกันสังคม จาก พ.ร.บ.ผู้ประสบภัยจากรถ ทางบริษัทเอกชนรับไปกว่าร้อยละ 40

"หากยังให้บริษัทเอกชนมาบริหารงบประมาณการรักษาพยาบาลของข้าราชการอีก การเบิกจ่ายคงมีปัญหาเช่นเดียวกัน งบประมาณกองทุนสิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการประมาณ 7 หมื่นกว่าล้านบาท หากคิดค่าบริหารจัดการให้ธุรกิจประกันภัย คิดขั้นต่ำร้อยละ 10 หรือประมาณ 7,200 ล้านบาท งบส่วนนี้แทนที่จะถูกส่งไป รพ.รัฐ ซึ่งเป็นงบหมุนเวียนกันอยู่กลับต้องไปที่เอกชน หากถูกคิดค่าบริหารจัดการถึงร้อยละ 40 เงินจะหายจากระบบเท่าไร แน่นอนว่า รพ.รัฐต้องประสบปัญหาแน่ๆ ยิ่ง รพ.ในสังกัดกระทรวงสาธารณสุขที่มีปัญหาขาดสภาพคล่องอยู่แล้ว ดังนั้น เราต้องช่วยกันปิดกั้น อย่าสิ่งที่ไม่ถูกต้องเกิดขึ้น การบอกว่าผ่านการประชุมแล้ว พร้อมเสนอ ครม. ไม่ถูกต้อง ที่ผมกลัวคือ กลัวจะใช้มาตรา 44 ออกกฎหมาย หวังว่าจะไม่เกิดขึ้น" นพ.มงคลกล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะมีการทำหนังสือทักท้วงหรือไม่ นพ.มงคลกล่าวว่า ทางที่ดีที่สุด ข้าราชการที่มีสิทธิ รวมทั้ง รพ. โดยเฉพาะ รพ.สธ. รวมทั้งระบบสุขภาพอื่นๆ ต้องลุกมาต่อต้าน หากยอม เกิดปัญหาแน่ อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเกิดจากความบกพร่องของการบริหารจัดการของกรมบัญชีกลางที่ไม่มีระบบตรวจสอบการให้สิทธิและการบริการสิทธิประโยชน์เลย เมื่อเกิดปัญหา มีค่าบริหารจัดการ กลับแก้ไขโดยการโยนให้เอกชนทำ

นพ.ศิริวัฒน์ ทิพย์ธราดล อดีตรองปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ปัญหามาจากงบประมาณพุ่งสูง ทำให้ต้องโยนให้ธุรกิจประกันภัยไปดำเนินการ ต้องถามว่าเกาถูกที่คันแล้วหรือไม่ สิ่งสำคัญของปัญหาสิทธิรักษาพยาบาลข้าราชการต้องไปดูต้นเหตุว่ามาจากอะไร ยกตัวอย่าง กรมบัญชีกลางเคยเรียกเงินคืนจาก รพ.แห่งหนึ่ง เพราะพบว่าสั่งจ่ายยาให้คนไข้มากเกินความจำเป็น เป็นยานอกบัญชียาหลัก ราคาแพง กรมบัญชีกลางสามารถตรวจสอบบัญชีการใช้ยาต่างๆ ให้เหมาะสมได้ ทางออกคือ วิเคราะห์ปัญหา และให้ข้าราชการ สถาบันวิชาการ รวมทั้งสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) สำนักงานคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติ (สช.) มาร่วมกันศึกษาว่าจะหาทางออกกันอย่างไร

ผศ.ภญ.นิยดา เกียรติยิ่งอังศุลี อดีตผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสังคม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวว่า กระทรวงการคลังเตรียมเสนอเรื่องดังกล่าวโดยไม่สอบถามความคิดเห็นจากข้าราชการผู้มีสิทธิ ซึ่งปัญหาการใช้จ่ายยาไม่สมเหตุสมผลของสิทธิข้าราชการนั้น จะพบปัญหาที่ผู้ป่วยนอก เพราะผู้ป่วยในจะมีการควบคุมการใช้จ่ายยาตามกลุ่มโรค หรือดีอาร์จี ทั้งนี้ เคยมีข้อเสนอบันได 8 ขั้นแก้ปัญหา อาทิ กรมบัญชีกลางประกาศใช้ยาอย่างสมเหตุสมผล โดยกำหนดให้มีการส่งเหตุผลการใช้ยาเยอะใน รพ.ที่ใช้ยาเกินกำหนด การกำหนดให้ทุก รพ.ใช้ยาชื่อสามัญแทนยาต้นแบบ เป็นต้น ดังนั้น กรมบัญชีกลางต้องปรับปรุงระบบสิทธิประโยชน์ให้สมเหตุสมผล และควรแยกหน่วยงานอิสระในการติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ หากไม่สามารถทำได้ก็อาจให้ สปสช. สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) หรือให้หน่วยอิสระกลางแห่งใดมาทำก็ได้ ทั้งนี้ ค่าบริหารจัดการ หากเป็นภาครัฐ อย่าง สปสช. คิดค่าบริหารจัดการเพียงประมาณ 1% แต่เอกชนน่าจะเกิน 25%

นางรัศมี วิศทเวทย์ อดีตเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กล่าวว่า ตนเคยทำงานที่ สคบ. พบการร้องเรียนมากมาย ทั้งเรื่องการประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ มีค่าใช้จ่ายสูง ทั้งนี้ ข้าราชการไทยส่วนมากไม่ได้มีฐานะร่ำรวย และปัจจุบันสิทธิข้าราชการลดน้อยลง ไม่สามารถเบิกยาบางตัวได้ หากให้ธุรกิจเอกชนบริหารจะกระทบต่อผู้มีสิทธิในการเบิกจ่าย ควรให้ข้าราชการบริหารระบบ ไม่ใช่เอื้อประโยชน์แก่เอกชน อย่างไรก็ตาม หากมอบให้ สปสช.เป็นผู้บริหารมีข้อได้เปรียบ เพราะบุคลากรมีความเชี่ยวชาญในการบริหารจัดการระบบ.

ขอบคุณเนื้อหาและข้อมูลข่าวจาก :: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ วันพฤหัสบดีที่ 8 ธันวาคม 2559 เวลา 00:00  น.
  • 08 ธ.ค. 2559 เวลา 22:33 น.
  • 7,530

TAGS ที่เกี่ยวข้อง >>

^