รายงานผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้
เรื่อง รายงานผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3
ผู้ศึกษา นายบุญเยี่ยม ประเสริฐไทย
ปีการศึกษา 2563
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รายงานผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถม ศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ และเพื่อศึกษาความพึงพอใจในการเรียนคณิตศาสตร์ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ การศึกษาครั้งนี้ประยุกต์ใช้การวิจัยเชิงกึ่งทดลอง แบบ 1 กลุ่ม และ มีการทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน (One Group Pretest-Posttest Design) ประชากรที่ศึกษา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนบ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จำนวน 19 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วยชุดกิจกรรมและแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 4 ชุด แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถาม ความพึงพอใจในการเรียน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการทดสอบก่อนเรียน เก็บคะแนนการทำกิจกรรมแบบฝึกระหว่างเรียนและทดสอบหลังเรียน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานค่าเฉลี่ยร้อยละ และค่าเฉลี่ยความก้าวหน้า
สรุปผลการศึกษา
1. ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า ประสิทธิภาพโดยรวมเท่ากับ 78.13/77.22 และชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทุกชุด ต่างมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 โดยเรียงตามค่าประสิทธิภาพกระบวนการ คือ ชุดที่ 1 เศษส่วน ทศนิยม และร้อยละ (79.28/77.37) ชุดที่ 3 โจทย์ปัญหาการคูณ การหาร (79.28/78.89) ชุดที่ 2 โจทย์ปัญหาร้อยละ (77.18/76.32) และชุดที่ 4 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับการซื้อขาย (76.07/76.84) ซึ่งเป็นไปตาม สมมติฐานการศึกษา ข้อที่ 1 ที่ว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนอยู่ในระดับปรับปรุง (คะแนนเฉลี่ย 12.95 หรือ ร้อยละ 43.16) ส่วนหลังเรียนคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์การแก้โจทย์ปัญหาหลังเรียนอยู่ในระดับดี (คะแนนเฉลี่ย 23.63 หรือร้อยละ 78.77) โดยมีคะแนนความก้าวหน้าเป็น 10.68 เท่ากับ ร้อยละ 35.61 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน (2.77) น้อยกว่าก่อนเรียน (3.06) ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานการศึกษา ข้อที่ 2 ที่ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน
3. ความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ทั้งด้านชุดกิจกรรม (ค่าเฉลี่ย 3.98) กิจกรรมการเรียน (ค่าเฉลี่ย 4.00) และผลที่เกิดกับนักเรียน (ค่าเฉลี่ย 3.82) ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานการศึกษา ข้อที่ 3 ที่ว่า ความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ อยู่ในระดับมากขึ้นไป
ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนบ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน
สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาเชียงราย เขต 3
ผู้ศึกษา นายบุญเยี่ยม ประเสริฐไทย
ปีการศึกษา 2563
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
รายงานผลการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถม ศึกษาปีที่ 5 มีวัตถุประสงค์เพื่อหาประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนจากการใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ และเพื่อศึกษาความพึงพอใจในการเรียนคณิตศาสตร์ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ การศึกษาครั้งนี้ประยุกต์ใช้การวิจัยเชิงกึ่งทดลอง แบบ 1 กลุ่ม และ มีการทดสอบก่อนเรียน และหลังเรียน (One Group Pretest-Posttest Design) ประชากรที่ศึกษา คือ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ปีการศึกษา 2563 โรงเรียนบ้านสบรวก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย จำนวน 19 คน เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา ประกอบด้วยชุดกิจกรรมและแผนการจัดการเรียนรู้โดยใช้ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 จำนวน 4 ชุด แบบทดสอบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน และแบบสอบถาม ความพึงพอใจในการเรียน เก็บรวบรวมข้อมูลโดยการทดสอบก่อนเรียน เก็บคะแนนการทำกิจกรรมแบบฝึกระหว่างเรียนและทดสอบหลังเรียน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยค่าเฉลี่ย ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานค่าเฉลี่ยร้อยละ และค่าเฉลี่ยความก้าวหน้า
สรุปผลการศึกษา
1. ประสิทธิภาพของชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า ประสิทธิภาพโดยรวมเท่ากับ 78.13/77.22 และชุดกิจกรรมการเรียนรู้ทุกชุด ต่างมีประสิทธิภาพสูงกว่าเกณฑ์ 75/75 โดยเรียงตามค่าประสิทธิภาพกระบวนการ คือ ชุดที่ 1 เศษส่วน ทศนิยม และร้อยละ (79.28/77.37) ชุดที่ 3 โจทย์ปัญหาการคูณ การหาร (79.28/78.89) ชุดที่ 2 โจทย์ปัญหาร้อยละ (77.18/76.32) และชุดที่ 4 โจทย์ปัญหาเกี่ยวกับการซื้อขาย (76.07/76.84) ซึ่งเป็นไปตาม สมมติฐานการศึกษา ข้อที่ 1 ที่ว่า ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 75/75
2. ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 พบว่า คะแนนเฉลี่ยก่อนเรียนอยู่ในระดับปรับปรุง (คะแนนเฉลี่ย 12.95 หรือ ร้อยละ 43.16) ส่วนหลังเรียนคะแนนเฉลี่ยผลสัมฤทธิ์การแก้โจทย์ปัญหาหลังเรียนอยู่ในระดับดี (คะแนนเฉลี่ย 23.63 หรือร้อยละ 78.77) โดยมีคะแนนความก้าวหน้าเป็น 10.68 เท่ากับ ร้อยละ 35.61 และค่าเบี่ยงเบนมาตรฐานคะแนนเฉลี่ยหลังเรียน (2.77) น้อยกว่าก่อนเรียน (3.06) ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานการศึกษา ข้อที่ 2 ที่ว่า ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 หลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียน
3. ความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่อง การแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ พบว่า นักเรียนมีความพึงพอใจอยู่ในระดับมาก ทั้งด้านชุดกิจกรรม (ค่าเฉลี่ย 3.98) กิจกรรมการเรียน (ค่าเฉลี่ย 4.00) และผลที่เกิดกับนักเรียน (ค่าเฉลี่ย 3.82) ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานการศึกษา ข้อที่ 3 ที่ว่า ความพึงพอใจในการเรียนของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่เรียนด้วยชุดกิจกรรมการเรียนรู้ เรื่องการแก้โจทย์ปัญหาคณิตศาสตร์ อยู่ในระดับมากขึ้นไป