การพัฒนารูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้าน
ผู้ศึกษา : นางอรทัย ชุมขุน
ตำแหน่ง : ตำแหน่ง ครู วิทยฐานะ ครูชำนาญการพิเศษ
สังกัด : โรงเรียนเทศบาล ๔ (วัดโพธาวาส)
เทศบาลนครสุราษฎร์ธานี
ปี : 2561
บทคัดย่อ
การศึกษาค้นคว้าครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อพัฒนารูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมทักษะด้านการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 2) เพื่อศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมทักษะด้านการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ได้แก่ เด็กปฐมวัย อายุ 5 – 6 ปี ชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนเทศบาล ๔ (วัดโพธาวาส) สังกัดเทศบาลนครสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี จำนวน 34 คน เครื่องมือในการศึกษา ได้แก่ รูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมทักษะด้านการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 แบบสังเกตและประเมิน รูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติ แบบประเมินประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติ และแบบประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อการจัดกิจกรรมตามรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติ วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้คอมพิวเตอร์โปรแกรมสำเร็จรูป สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลคือ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ค่าความเที่ยงตรงเชิงเนื้อหา และเปรียบเทียบความแตกต่างระหว่างตัวแปรโดยใช้ t-test หาประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติ ตามเกณฑ์ 80/80 โดยหาค่าร้อยละของคะแนนเฉลี่ย E1/E2
ผลการวิจัย พบว่า
1. รูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมทักษะด้านการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 มี ทั้งหมด 8 กิจกรรม ประกอบด้วย แมงมุมขยุ้มหลังคา รีรีข้าวสาร โพงพาง ตะล๊อกต๊อกแต๊ก มอญซ่อนผ้า จ้ำจี้ เสือไล่หมู และxxxูเอ่ย
2. ประสิทธิผลของรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมความสามารถด้านการเขียน สำหรับนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3
2.1 ประสิทธิภาพของรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมทักษะด้านการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 มีผลการประเมินด้านกระบวนการ (E1) ของรูปแบบการสอน ได้ค่าประสิทธิภาพ 84.25 และผลการประเมินของผลลัพธ์ (E2) ของรูปแบบการสอน ได้ค่าประสิทธิภาพ 83.74 ซึ่งสูงกว่าเกณฑ์มาตรฐานที่กำหนดไว้คือ 80 / 80 เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 1 ที่ตั้งไว้ว่า รูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมทักษะด้านการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80
2.2 ผลการเปรียบเทียบค่าเฉลี่ยของคะแนนการเขียน ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมตามรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมทักษะด้านการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 พบว่า คะแนนการเขียน ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมตามรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมทักษะด้านการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .001 ซึ่งเป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 2 ที่ตั้งไว้ว่า ทักษะด้านการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 หลังจากการจัดกิจกรรมรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้าน สูงกว่าก่อนการจัดกิจกรรมตามรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้าน
2.3 ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตต่อรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมทักษะด้านการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีตต่อรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมทักษะด้านการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 โดยรวมอยู่ในระดับมากที่สุด ( ค่าเฉลี่ย=4.56) เมื่อพิจารณาเป็นรายด้าน พบว่า ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน มีค่าเฉลี่ยมากที่สุด อยู่ในระดับมากที่สุด ( ค่าเฉลี่ย=4.59) รองลงมาได้แก่ ด้านบรรยากาศการเรียนรู้ มีค่าเฉลี่ย อยู่ในระดับมากที่สุด ( ค่าเฉลี่ย=4.57) ส่วนด้านประโยชน์ของรูปแบบการสอน มีค่าเฉลี่ยน้อยที่สุด อยู่ในระดับมากที่สุด (ค่าเฉลี่ย =4.51) เป็นไปตามสมมติฐานข้อที่ 3 ที่ตั้งไว้ว่า ความพึงพอใจของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 ที่มีต่อรูปแบบการสอนแบบภาษาธรรมชาติโดยใช้การละเล่นพื้นบ้านเพื่อส่งเสริมทักษะด้านการเขียนของนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่ 3 อยู่ในระดับมากที่สุด