ผลการพัฒนาศักยภาพครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน
ผู้วิจัย นางลัดดาพร พัดแก้ว
ตำแหน่ง รองผู้อำนวยการสถานศึกษา วิทยฐานะ รองผู้อำนวยการชำนาญการพิเศษ
หน่วยงาน โรงเรียนสระพังวิทยาคม อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ สังกัดองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ
ปีการศึกษา 2561
บทคัดย่อ
การวิจัยในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน โรงเรียนสระพังวิทยาคม อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมาย มีความรู้ความเข้าใจและสามารถทำวิจัยในชั้นเรียนได้ โดยใช้การวิจัยเชิงปฏิบัติการ (Action Research) กลยุทธ์ที่ใช้ในการพัฒนา คือ การอบรมเชิงปฏิบัติการ การประชุมเชิงปฏิบัติการ การศึกษานอกสถานที่ การนิเทศภายใน และการจัดนิทรรศการแสดงผลงาน มีการดำเนินการพัฒนา 2 วงรอบ แต่ละวงรอบประกอบด้วย การวางแผน (Planning) การปฏิบัติ (Action) การสังเกต( Observation) และการสะท้อนผล (Reflection) ประกอบด้วยกลุ่มเป้าหมาย จำนวน 19 คน เครื่องมือที่ใช้ในการเก็บรวบรวมข้อมูล ได้แก่ แบบทดสอบ แบบประเมินผล แบบสังเกต แบบสัมภาษณ์ การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณสถิติใช้ค่าเฉลี่ย ค่าร้อยละ และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน ข้อมูลเชิงคุณภาพวิเคราะห์โดยใช้เทคนิคการตรวจสอบแบบสามเส้า (Triangulation Technique) แล้วนำเสนอผลการวิจัยโดยวิธีเชิงพรรณนาวิเคราะห์ ผลการวิจัยพบว่า
ผลการพัฒนาศักยภาพครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน หลังจากดำเนินการพัฒนาทั้ง 2 วงรอบ
ผู้วิจัยได้ สรุปผลการพัฒนาเป็น 3 ด้าน ดังนี้ 1. ด้านความรู้ ความเข้าใจในการทำวิจัยในชั้นเรียน หลังการพัฒนา โดยการอบรม เชิงปฏิบัติการ พบว่า ครูกลุ่มเป้าหมายมีความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับการทำวิจัยในชั้นเรียนมากขึ้นโดยมีคะแนนเฉลี่ยจากการทำแบบทดสอบหลังการฝึกอบรม สูงกว่าก่อนการฝึกอบรม โดย ทดสอบ
t-test dependent ได้ค่าเฉลี่ยของความแตกต่าง (D = 12.52) ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานมีค่า 0.96 สถิติทดสอบ t-test ได้เท่ากับ 56.62, df =18 มีนัยสำคัญทางสถิติที่ ที่ระดับ .01 นั้นคือคะแนนเฉลี่ยของการทดสอบก่อนการอบรมและหลังการอบรมแตกต่างกัน โดยคะแนนเฉลี่ยหลังการอบรมสูงกว่าก่อนการอบรม
2. ด้านการปฏิบัติในการทำวิจัยในชั้นเรียน จากการนิเทศ กำกับ ติดตามการทำวิจัยใน
ชั้นเรียนของกลุ่มเป้าหมาย พบว่า กลุ่มเป้าหมายทุกคนสามารถทำวิจัยในชั้นเรียนได้เป็นผลสำเร็จ
ทั้ง 5 ขั้นตอน โดยภาพรวมอยู่ในระดับ “มาก” และมีค่าเฉลี่ยรวมเท่ากับ 4.47 ส่วนแยกเป็นราย ด้าน 3 อันดับแรกที่มีค่าเฉลี่ยสูงสุดในระดับ“มากที่สุด” คือ ด้านการศึกษาแนวคิดทฤษฎี ด้านการสำรวจและการวิเคราะห์ปัญหาด้านการเรียนการสอน และด้านการออกแบบการทดลอง ส่วนด้านการเขียนรายงานการวิจัยอยู่อันดับต่ำสุดมีค่าเฉลี่ยอยู่ในระดับ “มาก” มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.18
3. ด้านผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จากการพัฒนาศักยภาพครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน
ส่งผลให้ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนสูงขึ้น คือ ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนโดยรวมของนักเรียนทุกระดับชั้น หลังการพัฒนาศักยภาพครูด้านการทำวิจัยในชั้นเรียน (ปีการศึกษา 2560) สูงกว่าก่อนพัฒนา(ปีการศึกษา 2561) ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนโรงเรียนสระพังวิทยาคม ในปีการศึกษา 2561 มีค่าเฉลี่ย 2.88 สูงกว่าค่าเฉลี่ยปีการศึกษา 2560 คือมีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 2.53 อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05