เผยแพร่ผลงานทางวิชาการ
ชื่อเรื่อง การพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ HASEEBON Model เพื่อส่งเสริมทักษะ
การสังเกตและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์
ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๒ (วัดชนาธิปเฉลิม)
ผู้วิจัย นางสาวฮาซีบน ขวัญทอง
ปีการศึกษา 2561
การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) พัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้ HASEEBON Model เพื่อส่งเสริมทักษะการสังเกตและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๒ (วัดชนาธิปเฉลิม) 2)ศึกษาประสิทธิผลของรูปแบบการจัดการเรียนรู้ HASEEBON Model เพื่อส่งเสริมทักษะการสังเกตและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๒ (วัดชนาธิปเฉลิม) 2.1) เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนก่อนเรียนและหลังเรียนโดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ HASEEBON Model เพื่อส่งเสริมทักษะการสังเกตและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๒ (วัดชนาธิปเฉลิม) 2.2) ศึกษาพัฒนาการของทักษะการสังเกตและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ HASEEBON Model เพื่อส่งเสริมทักษะการสังเกตและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๒ (วัดชนาธิปเฉลิม)
3) ประเมินความพึงพอใจของนักเรียนมีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัด
การเรียนรู้ HASEEBON Model เพื่อส่งเสริมทักษะการสังเกตและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ
กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๒
(วัดชนาธิปเฉลิม) กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3/2 โรงเรียนเทศบาล ๒ (วัดชนาธิปเฉลิม) สังกัดกองการศึกษา เทศบาลเมืองสตูล ที่กำลังศึกษาอยู่ในภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2561 จำนวน 28 คน ซึ่งได้มาโดยการสุ่มแบบกลุ่มโดยมีห้องเรียนเป็นหน่วยการสุ่มด้วยการจับฉลาก จำนวน 1 ห้องเรียนจากห้องเรียนทั้งหมด 4 ห้องเรียน เครื่องมือที่ใช้ประกอบด้วย แบบสัมภาษณ์ แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน แผนการจัดการเรียนรู้ ชุดกิจกรรมการเรียนรู้ และแบบสอบถามความพึงพอใจ โดยวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติใช้ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และค่าทดสอบที (t-test) การวิจัยนี้เป็นการวิจัยประเภทผสมผสานวิธี ผลการวิจัยได้ข้อมูลเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพ ดังนี้
1. รูปแบบที่ผู้วิจัยพัฒนาขึ้นมีองค์ประกอบ 5 องค์ประกอบ คือ วัตถุประสงค์ หลักการ กระบวนการ เงื่อนไขสำคัญในการนำรูปแบบไปใช้ให้ประสบความสำเร็จ และการวัดประเมินผล เรียกว่า HASEEBON Model การดำเนินการ 8 ขั้น คือ ขั้นที่ 1 กระตุ้น (H : Hasten) ขั้นที่ 2 ความรู้เดิม (A : Aboriginal) ขั้นที่ 3 แสวงหา (S : Seek) ขั้นที่ 4 ทำให้รู้ (E : Enlighten) ขั้นที่ 5 แลกเปลี่ยน (E : Exchange) ขั้นที่ 6 สรุป (B : Briefly) ขั้นที่ 7 ปฏิบัติ (O : Operate) ขั้นที่ 8 นำไปใช้ (N : Naturalize) มีประสิทธิภาพเท่ากับ 88.45/90.52 ซึ่งเป็นไปตามเกณฑ์ 80/80 ที่กำหนดไว้
2. รูปแบบการจัดการเรียนรู้ HASEEBON Model เพื่อส่งเสริมทักษะการสังเกตและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๒ (วัดชนาธิปเฉลิม) หลังการนำไปใช้มีประสิทธิผลอย่างไรในด้านต่อไปนี้
2.1 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียนหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ HASEEBON Model เพื่อส่งเสริมทักษะการสังเกตและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๒ (วัดชนาธิปเฉลิม) สูงกว่าก่อนเรียนแตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2.2 พัฒนาการของทักษะการสังเกตและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนระหว่างการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ HASEEBON Model เพื่อส่งเสริมทักษะการสังเกตและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๒ (วัดชนาธิปเฉลิม) สูงขึ้นในช่วงระหว่างเรียน
3. ความพึงพอใจของนักเรียนมีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้รูปแบบการจัดการเรียนรู้ HASEEBON Model เพื่อส่งเสริมทักษะการสังเกตและทักษะการคิดอย่างมีวิจารณญาณ กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนเทศบาล ๒ (วัดชนาธิปเฉลิม) อยู่ในระดับมากที่สุด ( = 4.64, S.D. = 0.11)