การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว
บทคัดย่อ
หัวข้อวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์
พระราชา โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย
ผู้วิจัย นางสาวพรพิไร แก้วสมบัติ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย
ปีการศึกษา 2561
การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ (1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem -Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์พระราชา และ (2) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์พระราชา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/14 จำนวน 46 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ดำเนินการทดลองระหว่างวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ถึงวันที่ 29 มกราคม 2562 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์พระราชา แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว เป็นแบบทดสอบแบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ และแบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์พระราชา วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ย (x-bar) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (t-test) แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1)ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์พระราชา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 โดยมีผลการเรียนรู้หลังการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้
2)นักเรียนมีความคิดเห็นต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์พระราชา อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก (x-bar =4.14, S.D.= 0.34)
หัวข้อวิจัย การพัฒนาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2
ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem – Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์
พระราชา โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย
ผู้วิจัย นางสาวพรพิไร แก้วสมบัติ
กลุ่มสาระการเรียนรู้คณิตศาสตร์ โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย
ปีการศึกษา 2561
การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยเชิงทดลอง (Experimental Research) โดยมีวัตถุประสงค์ของการวิจัย ดังนี้ (1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem -Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์พระราชา และ (2) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์พระราชา กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2/14 จำนวน 46 คน ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2561 โรงเรียนพระปฐมวิทยาลัย อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม ดำเนินการทดลองระหว่างวันที่ 11 ธันวาคม 2561 ถึงวันที่ 29 มกราคม 2562 เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย แผนการจัดการเรียนรู้วิชาคณิตศาสตร์ เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ที่จัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์พระราชา แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน เรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว เป็นแบบทดสอบแบบปรนัยเลือกตอบ 4 ตัวเลือก จำนวน 20 ข้อ และแบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์พระราชา วิเคราะห์ข้อมูลด้วยการหาค่าเฉลี่ย (x-bar) ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) การทดสอบค่าที (t-test) แบบ Dependent และการวิเคราะห์เนื้อหา (Content Analysis)
ผลการวิจัยพบว่า
1)ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนเรื่อง สมการกำลังสองตัวแปรเดียว ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์พระราชา แตกต่างกันอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ 0.01 โดยมีผลการเรียนรู้หลังการจัดการเรียนรู้สูงกว่าก่อนการจัดการเรียนรู้
2)นักเรียนมีความคิดเห็นต่อการจัดการเรียนรู้โดยใช้ปัญหาเป็นฐาน (Problem - Based Learning) ผสานหลักการทำงานของศาสตร์พระราชา อยู่ในระดับเห็นด้วยมาก (x-bar =4.14, S.D.= 0.34)