รายงานผลการพัฒนาชุดการสอนการประดิษฐ์มาลัยชำร่วยด้วยแป้งสาคู
การเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ มาลัยนี้มีคุณค่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6
ผู้วิจัย นางปราณี ภูมิพงศ์
ปีที่วิจัย 2560
บทคัดย่อ
การวิจัยครั้งนี้มีจุดประสงค์ 1) เพื่อพัฒนาชุดการสอนการประดิษฐ์มาลัยชำร่วยด้วยแป้งสาคู สู่ความพอเพียง กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ มาลัยนี้มีคุณค่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์ 80/80 2) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนก่อนและหลังเรียน โดยใช้ชุดการสอนการประดิษฐ์มาลัยชำร่วยด้วยแป้งสาคู สู่ความพอเพียง กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีหน่วยการเรียนรู้มาลัยนี้มีคุณค่า ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 และ 3) เพื่อศึกษาความพึงพอใจที่มีต่อการเรียนโดยใช้ชุดการสอนการประดิษฐ์มาลัยชำร่วยด้วยแป้งสาคู สู่ความพอเพียง กลุ่ม สาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้มาลัยนี้มีคุณค่า ของนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 รูปแบบการวิจัย One Group pretest - posttest design
กลุ่มตัวอย่าง ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 6/1 ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 โรงเรียนเทศบาล 5 (วัดควนขัน) จำนวน 18 คน ได้มาโดยการสุ่มอย่างง่าย (Sample Random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย คือ 1) ชุดการสอน 2) แผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 12 แผน 3) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ทางการเรียน จำนวน 30 ข้อ เป็นแบบปรนัย 4 ตัวเลือกซึ่งมีค่าความเชื่อมั่นเท่ากับ 0.87 ค่าความยากง่าย (P) อยู่ระหว่าง 0.61 - 0.72 และมีค่าอำนาจจำแนก (r) อยู่ระหว่าง 0.20 - 0.60 และ 4) แบบสอบถามวัดความพึงพอใจ จำนวน 15 ข้อ เป็นแบบสอบถามวัดเจตคติแบบมาตราประมาณค่าชนิด 5 สเกล มีค่าดัชนีความสอดคล้องตั้งแต่ 0.80 ขึ้นไปและมีค่าความเชื่อมั่น เท่ากับ 0.89 สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ค่าเฉลี่ย ร้อยละ ค่าส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t- test
ผลการวิจัย พบว่า ชุดการสอนการประดิษฐ์มาลัยชำร่วยด้วยแป้งสาคู สู่ความพอเพียง กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี หน่วยการเรียนรู้ มาลัยนี้มีคุณค่า ชั้นประถมศึกษาปีที่ 6 มีประสิทธิภาพ 84.06/83.77 ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียนโดยใช้ชุดการสอนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 และนักเรียนมีความพึงพอใจต่อการเรียนโดยใช้ชุดการสอนในภาพรวมอยู่ในระดับมาก