รายงานการพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นปร
บทคัดย่อ
ในการสร้างและพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนเทศบาลเมืองจันทบุรี ๒ สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 32 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์หาค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 โดยใช้สูตร E1/E2 ใช้ค่าวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ค่า t – test (Dependent Samples) และการวิเคราะห์ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้สูตรการหาค่าเฉลี่ยของแบบประเมินค่า 5 ระดับ สามารถสรุปผล ดังนี้
สรุปผลการศึกษา
1. การสร้างและพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 พบว่า แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องการคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 90.93/87.60 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องการคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ มีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงตามลำดับ สามลำดับดับแรก พบว่า มีความพึงพอใจมากที่สุดในด้านหนังสือมีคุณค่า เป็นประโยชน์กับผู้เรียน และรองลงมา คือ ด้านเรียนสนุก มีความสุขกับการทำแบบฝึกและด้าน นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้
ในการสร้างและพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 ครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างและพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ให้มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 และศึกษาความพึงพอใจของนักเรียน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่มีต่อแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ได้แก่ นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4/1 โรงเรียนเทศบาลเมืองจันทบุรี ๒ สังกัดสำนักการศึกษา เทศบาลเมืองจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี จังหวัดจันทบุรี ภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2560 จำนวน 32 คน ได้มาจากการเลือกแบบเจาะจง (Purposive sampling) ผู้วิจัยดำเนินการวิเคราะห์หาค่าประสิทธิภาพของแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80 โดยใช้สูตร E1/E2 ใช้ค่าวิเคราะห์เปรียบเทียบความแตกต่างของผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้ค่า t – test (Dependent Samples) และการวิเคราะห์ผลการประเมินความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 โดยใช้สูตรการหาค่าเฉลี่ยของแบบประเมินค่า 5 ระดับ สามารถสรุปผล ดังนี้
สรุปผลการศึกษา
1. การสร้างและพัฒนาแบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ ชั้นประถมศึกษา ปีที่ 4 พบว่า แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องการคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 มีประสิทธิภาพ 90.93/87.60 มีประสิทธิภาพตามเกณฑ์มาตรฐาน 80/80
2. เปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนระหว่างคะแนนทดสอบก่อนเรียนและหลังเรียน โดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่องการคูณ ชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 พบว่า นักเรียนมีคะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนหลังเรียน สูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
3. นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ที่เรียนโดยใช้แบบฝึกเสริมทักษะคณิตศาสตร์ เรื่อง การคูณ มีความพึงพอใจในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เมื่อพิจารณารายด้านพบว่าอยู่ในระดับมากทุกด้าน โดยเรียงตามลำดับ สามลำดับดับแรก พบว่า มีความพึงพอใจมากที่สุดในด้านหนังสือมีคุณค่า เป็นประโยชน์กับผู้เรียน และรองลงมา คือ ด้านเรียนสนุก มีความสุขกับการทำแบบฝึกและด้าน นำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวันได้